‘ศาลรัฐธรรมนูญ’ ขีดเส้น 15 วัน ขอข้อมูล อสส. ปมร้อง ‘ทักษิณ’ ครอบงำ
ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดเวลา 15 วันในการขอข้อมูลจากอัยการสูงสุดเกี่ยวกับข้อร้องเรียนที่กล่าวหาว่านายทักษิณ ชินวัตรมีอิทธิพลต่อพรรคเพื่อไทย ก่อนที่จะพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับคำร้องดังกล่าว
ในการพิจารณาคำร้องที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษรได้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีการวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 นั้น ผู้ร้องได้กล่าวอ้างว่านายทักษิณ (ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคเพื่อไทย (ผู้ถูกร้องที่ 2) ได้ร่วมกันกระทำการที่เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อทำลายระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยมี 6 ประเด็นที่ถูกยกขึ้นมา
ประเด็นแรก ผู้ถูกร้องที่ 1 ถูกกล่าวหาว่าสั่งการให้รัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจให้ความสะดวกแก่ตนเองในการพักอาศัยที่ห้องพักชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจในระหว่างการรับโทษจำคุก ทั้งที่ไม่มีอาการป่วยที่รุนแรง
ประเด็นที่ 2 ผู้ถูกร้องที่ 1 ได้สั่งการให้รัฐบาลดำเนินการสนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชาในการเจรจาเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เพื่อแบ่งผลประโยชน์จากก๊าซธรรมชาติและทรัพยากรใต้ทะเลในเขตอธิปไตยทางทะเลของประเทศไทยให้แก่ประเทศกัมพูชา
ประเด็นที่ 3 ผู้ถูกร้องที่ 1 ได้สั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 2 ร่วมมือกับพรรคประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นพรรคที่ก่อตั้งโดยกลุ่มการเมืองของพรรคก้าวไกลเดิมที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ประเด็นที่ 4 ผู้ถูกร้องที่ 1 ได้สั่งการแทนผู้ถูกร้องที่ 2 โดยการเจรจากับแกนนำของพรรคอื่นที่ร่วมรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือเกี่ยวกับการเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่บ้านพักส่วนตัวของผู้ถูกร้องที่ 1
ประเด็นที่ 5 ผู้ถูกร้องที่ 1 ได้สั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 2 มีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล
ประเด็นที่ 6 ผู้ถูกร้องที่ 1 ได้สั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 2 นำนโยบายที่ผู้ถูกร้องที่ 1 ได้แสดงวิสัยทัศน์ไปดำเนินการให้เป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา
ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 เพื่อขอให้อัยการสูงสุดดำเนินการร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยและสั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสองหยุดการกระทำที่เป็นปัญหา อย่างไรก็ตาม อัยการสูงสุดไม่ได้ดำเนินการภายในระยะเวลา 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับคำร้องตามที่กำหนดในรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคสาม
ด้วยเหตุนี้ ผู้ร้องจึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้ศาลวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 โดยขอให้ศาลสั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 1 หยุดการกระทำดังกล่าว และให้ผู้ถูกร้องที่ 2 หยุดการยินยอมให้ผู้ถูกร้องที่ 1 ใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำดังกล่าว
ศาลรัฐธรรมนูญได้ทำการอภิปรายและพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาคำร้องว่าศาลจะรับไว้พิจารณาหรือไม่ ในขั้นตอนนี้ ขอให้มีหนังสือแจ้งไปยังอัยการสูงสุดเพื่อสอบถามเกี่ยวกับความก้าวหน้าในการดำเนินการตามคำร้องของผู้ร้อง รวมถึงการรวบรวมพยานหลักฐานที่ได้ดำเนินการไป โดยให้จัดส่งข้อมูลดังกล่าวมายังศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือ