เราควรเรียกว่า "หมาล่า" หรือ "หม่าล่า" กันดีนะ?
หลายคนน่าจะเคยได้ยินคำว่า “หมาล่า” หรือ “หม่าล่า” กันมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นเครื่องเทศยอดฮิตจากประเทศจีนที่ให้รสชาติเผ็ดชาเป็นเอกลักษณ์ จนได้รับความนิยมในหลายประเทศ รวมถึงในประเทศไทยด้วย แต่พอจะเรียกชื่อขึ้นมา กลับเกิดความสงสัยว่าจริงๆ แล้วเราควรจะเรียกว่า "หมาล่า" หรือ "หม่าล่า" กันแน่?
"หมาล่า" หรือ "หม่าล่า" คืออะไร?
ก่อนอื่นเรามารู้จักกับคำนี้กันก่อน คำว่า “หมาล่า” หรือ “หม่าล่า” (麻辣) เป็นคำในภาษาจีนที่มาจากการรวมกันของคำว่า 麻 (má) ที่แปลว่า “ชา” และ 辣 (là) ที่แปลว่า “เผ็ด” รวมกันแล้วจะหมายถึงรสชาติที่ทั้งเผ็ดและชา ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเครื่องเทศชนิดนี้ หลายคนที่เคยทานจะรู้สึกถึงความเผ็ดร้อนที่ไม่เหมือนเครื่องเทศอื่นๆ เพราะความชาของมันมาจากพริกเสฉวน ซึ่งมีสารที่ทำให้ลิ้นชาเมื่อลิ้นสัมผัสกับพริกนี้
แล้วควรเรียกว่า "หมาล่า" หรือ "หม่าล่า"?
ความสับสนเรื่องชื่อเรียกนี้เกิดขึ้นเพราะการออกเสียงภาษาจีนกลาง คำว่า "麻辣" นั้นในภาษาจีนกลางออกเสียงว่า "หมา-ล่า" (má-là) โดย "má" (麻) จะมีเสียงวรรณยุกต์ที่สอง ซึ่งเป็นเสียงสูงขึ้น คล้ายเสียงที่เราใช้ในการถามคำถามในภาษาไทย ดังนั้นถ้าให้ถูกต้องตามหลักการออกเสียงจีนกลางควรจะเขียนเป็น "หม่าล่า" เพราะเสียงวรรณยุกต์ที่สองของพยางค์แรกนั้นมีการออกเสียงสูงขึ้นคล้ายกับการใช้เสียง "หม่-" ในภาษาไทย
แต่ทำไมหลายคนถึงเขียนว่า "หมาล่า" โดยไม่ใช้ไม้เอกล่ะ? การเขียนแบบนี้อาจเป็นเพราะการถอดเสียงจากภาษาจีนเป็นภาษาไทยที่บางคนอาจจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องวรรณยุกต์มากนัก และการเขียน "หมาล่า" ก็ยังสามารถสื่อถึงความหมายของคำได้เช่นกัน และด้วยความคุ้นชินจากการอ่านและการพูดในภาษาไทย ทำให้บางคนเลือกที่จะละการใส่เสียงวรรณยุกต์ของพยางค์แรกไป ซึ่งก็ไม่ผิดในแง่ของการสื่อสาร แต่หากมองจากมุมการถอดเสียงให้ถูกต้อง การใช้ "หม่าล่า" จะใกล้เคียงกับต้นฉบับภาษาจีนมากกว่า
ดังนั้น หากถามว่าเราควรเรียกว่า "หมาล่า" หรือ "หม่าล่า" ดี คำตอบก็คือทั้งสองคำนี้สามารถใช้ได้ตามความเหมาะสม ถ้าเราต้องการความเป็นทางการและความถูกต้องในการถอดเสียงจากภาษาจีน การใช้ "หม่าล่า" จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แต่หากเราเน้นความเรียบง่ายและคุ้นเคย การเขียนว่า "หมาล่า" ก็ไม่ได้ผิดอะไร เพราะทั้งสองคำยังสื่อถึงเครื่องเทศรสเผ็ดชาแบบเดียวกัน