ครูอ้วน ชี้แจงไม่เกี่ยวข้องกับ ดิไอคอนกรุ๊ป
ครูอ้วน เปิดเผยว่าเคยได้รับการติดต่อจาก ดิไอคอนกรุ๊ป เพื่อชวนให้เข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ แต่ได้ปฏิเสธไปหลังจากพบความไม่ชัดเจนและรู้สึกถูกกดดัน
เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2567 เพจอีซ้อขยี้ข่าวได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพของ ครูอ้วน มณีนุช เสมรสุต นักร้องชื่อดัง ที่มีภาพร่วมกับ 2 ผู้บริหารของ ดิไอคอนกรุ๊ป โดยระบุว่า ยินดีต้อนรับครูอ้วน มณีนุช เสมรสุต พร้อมทั้งกล่าวถึงการตรวจพบคุณครูที่สอนร้องเพลงและผันตัวมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวดิไอคอน
ล่าสุด ครูอ้วน มณีนุช เสมรสุต ได้เปิดเผยว่าในปี 2565 ทีมงานจากบริษัทดังได้ติดต่อผ่านเลขาของเธอเพื่อชวนให้เป็นพาร์ทเนอร์ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดชัดเจนเกี่ยวกับหน้าที่ที่ต้องทำ เมื่อได้พบและพูดคุยกับทีมงาน พบว่ามีการพูดถึงกลุ่มนักเรียนของเธอ พร้อมกับเสนอผลประโยชน์ที่น่าสนใจ เช่น รถ บ้าน และเงินจำนวนมาก แต่ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับรายละเอียดของธุรกิจ หลังจากที่ได้ไปเยี่ยมชมบริษัทและรู้สึกถูกกดดันให้เข้าเรียนคอร์สออนไลน์หลายครั้ง ครูอ้วนและเลขาจึงตัดสินใจปฏิเสธและยุติการติดต่อเพื่อความสบายใจ
ครูอ้วนได้โพสต์จดหมายชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นที่เกิดขึ้น โดยแบ่งออกเป็น 8 ข้อ ดังนี้:
ขออนุญาตชี้แจงเกี่ยวกับภาพของครูอ้วน
จากเพจ @อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ
ด้วยความจริงใจและซื่อสัตย์ที่สุดค่ะ
1. ทีมงานได้ติดต่อผ่านเลขาครูอ้วน แจ้งความสนใจที่จะให้ครูอ้วนร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทดังกล่าว ซึ่งในขณะนั้นยังไม่ทราบว่าธุรกิจนี้คืออะไร แต่เคยเห็นโฆษณาบ้าง จึงได้สอบถามเลขาว่าพาร์ทเนอร์หมายถึงอะไร คำตอบคือการร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัท โดยไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติม ส่วนตัวครูอ้วนได้สอบถามจากคนรู้จักเกี่ยวกับชื่อของบอสที่ติดต่อมา และได้รับการยืนยันว่าบอสท่านนั้นมีตัวตนจริงและน่าเชื่อถือ
2. ในปี 2565 ด้วยความสงสัยเกี่ยวกับธุรกิจที่ติดต่อมา ครูอ้วนจึงขอนัดพูดคุยกันก่อน โดยยังไม่มีการตอบตกลงใดๆ
3. ก่อนวันนัดพูดคุย ทีมงานได้แจ้งว่าจะมีการต้อนรับครูอ้วน ซึ่งมีภาพของครูอ้วนที่เคยโพสต์ในอินสตาแกรมและเฟซบุ๊ก ปรากฏอยู่ที่บริษัท ทำให้รู้สึกตกใจ เพราะเมื่อไปถึงพบว่ามีภาพขนาดใหญ่และเป็นทางการมาก (ซึ่งไม่คาดคิดมาก่อน)
4. ในการสนทนาครั้งนั้น มีบอสคนหนึ่งพร้อมกับอีกสองคนที่มาด้วยกัน โดยมีสไลด์นำเสนอขึ้นบนจอทีวี บทสนทนาค่อนข้างวกวนเล็กน้อย เนื่องจากมีการพูดถึงผลประโยชน์ที่อาจได้ ซึ่งมีมูลค่ามหาศาล เช่น รถ บ้าน และจำนวนเงิน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าต้องทำอะไรบ้าง นอกจากนี้ บอสยังได้ขอให้ครูอ้วนลองเข้าคอร์สออนไลน์ด้วย สิ่งที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจในระหว่างการสนทนาคือ บอสได้พูดถึงการทำงานของครูอ้วน โดยบอกว่าครูอ้วนมีนักเรียนจำนวนมากและทำงานมานาน ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ดีสำหรับธุรกิจนี้ หลังจากนั้น ครูอ้วนจึงไม่พูดอะไรอีก ทั้งนี้ ทีมของบอสและบริษัทได้ติดต่อกับเลขาของครูอ้วนโดยตรง เนื่องจากเลขาของครูอ้วนไม่อนุญาตให้ติดต่อกับใครหากไม่ได้รับอนุญาตจากครูอ้วนค่ะ
5. หลังจากการสนทนาเสร็จสิ้น บอสและทีมงานได้ขออนุญาตพาอ้วนเดินชมทุกชั้นของบริษัท รวมถึงห้องและโต๊ะทำงานของเพื่อนที่รู้จักด้วย (ต้องแจ้งไว้ก่อนว่า หากมีภาพออกมา เนื่องจากการพาทัวร์ครั้งนี้มีทีมงานมาทักทายและถ่ายรูปไว้ตามปกติ การปฏิเสธการถ่ายรูปในฐานะบุคคลสาธารณะนั้นเป็นเรื่องยาก) ในระหว่างที่ทีมพาทัวร์ ครูอ้วนและเลขาก็มองหน้ากันว่าเราต้องดูแลกันหรือไม่
6. เมื่อทัวร์บริษัทเสร็จสิ้น ด้านล่างมีภาพของครูอ้วนอยู่ มีผู้คนมุงดูมากมายจนไม่สามารถแยกแยะได้ว่าใครเป็นใครจริงๆ เลขาพยายามกันตัวออกมา แต่ก็มีบางคนที่ได้ถ่ายรูปไป หลังจากนั้นเราจึงขอตัวกลับทันที
7. ภายในเวลาไม่ถึง 5 นาทีหลังจากออกมา เพื่อนโทรมาหาเพราะเห็นภาพ ซึ่งคิดว่าอ้วนไปสมัครงาน อ้วนจึงแจ้งกลับว่าแค่ไปคุยงานเท่านั้น และมีภาพจากเครือข่ายแท็กมาเยอะมาก นี่คือเหตุการณ์โดยรวมในวันนั้น
8. หลังจากวันนั้น ทีมงานได้เพิ่มไลน์ของเลขาครูอ้วนเข้ากรุ๊ปไลน์เพื่อให้เข้าร่วมเรียนคอร์สออนไลน์ เนื่องจากความสนใจในคอร์สของบริษัท เลขาครูอ้วนจึงตัดสินใจเข้าฟังออนไลน์ โดยทีมงานแจ้งว่าไม่มีค่าใช้จ่าย (ฟรี) แต่หลังจากนั่งฟังได้เพียง 10 นาที เลขาครูอ้วนก็ออกจากการฟัง เนื่องจากไม่ใช่งานที่ตนถนัด หลังจากนั้น ทีมงานได้ติดต่อมาอีกครั้งเพื่อให้ครูอ้วนลงทะเบียนเข้าคอร์ส และขอข้อมูลติดต่อเพื่อดึงเข้ากรุ๊ป โดยมีการถามซ้ำๆ และกดดันจนทำให้เลขาครูอ้วนรู้สึกไม่สบายใจ จึงตัดสินใจยุติการติดต่อทันทีค่ะ