"ชาร์ลส์ พอนซี" บิดาแห่งแชร์ลูกโซ่..จอมหลอกลวงชื่อก้องโลก
"ชาร์ลส์ พอนซี" บิดาแห่งแชร์ลูกโซ่..จอมหลอกลวงชื่อก้องโลก สำหรับประเด็นข่าวร้อนๆ ในช่วงนี้ก็คงจะหนีไม่พ้น กรณีของธุรกิจขายตรงออนไลน์ "ดิไอคอนกรุ๊ป" ซึ่งมีผู้เสียหายเกือบพันราย โดยมีเหล่าดารา และบรรดาคนดังระดับแถวหน้าของเมืองไทยเป็นบอสใหญ่ ชวนหลายๆ คนไปร่วมลงทุน จนทำเอาหมดเนื้อหมดตัวกันเป็นแถวๆ ซึ่งจากข้อมูลการทำธุรกิจดังกล่าวนั้นมันเข้าข่ายธุรกิจแชร์ลูกโซ่ ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักต้นกำเนิดของแชร์ลูกโซ่ ซึ่งมี "ชาร์ลส์ พอนซี" เป็นผู้วางแผนการตลาดแบบหลอกลวงนี้ จนได้ชื่อว่าเป็น "บิดาจอมลวงโลก" แห่งศตวรรษที่ 20 เลยก็ว่าได้ โดยเป็นการฉ้อโกงที่ใช้วิธีนำเงินทุนจากผู้ลงทุนรายใหม่มาจ่ายเป็นผลตอบแทนให้กับรายเก่า จนกระทั่งทำเอาระบบล้มลงอย่างไม่เป็นท่า
สำหรับ ชาร์ลส์ พอนซี นั้น เขาเกิดที่เมืองลูโก ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 1882 โดยเติบโตมาจากครอบครัวที่ยากจน แต่ด้วยความฉลาดจึงสามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่กรุงโรมได้ อย่างไรก็ตาม พอนซีไม่ได้ทำการศึกษาต่อให้สำเร็จ จึงตัดสินใจย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 1903 ด้วยความหวังว่าจะสร้างอนาคตที่ดีกว่านี้ และต้องเป็นเศรษฐีให้ได้
ทั้งนี้เขาเองก็ได้รับจ้างทั่วไปแม้จะมีรายได้ต่ำก็ตาม แต่เขาสามารถเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้เร็ว และพยายามที่จะหาโอกาสในการสร้างความสำเร็จ แต่ชีวิตในอเมริกานั้นเต็มไปด้วยอุปสรรคต่างๆ นานา ทั้งความลำบากและความผิดหวัง และในปี 1919 ก็เกิดจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิต เมื่อเขาเริ่มคิดค้นวิธีการแสวงกำไรจากการซื้อขาย คูปองตอบแทนระหว่างประเทศ (International Reply Coupons) ซึ่งเป็นรูปแบบของไปรษณีย์ที่ใช้ในการส่งจดหมายข้ามประเทศได้ เขาได้ค้นพบช่องโหว่ในระบบนี้ ที่ทำให้เขาสามารถที่จะซื้อคูปองจากต่างประเทศในราคาต่ำ และนำเอามาขายต่อในสหรัฐฯ ด้วยส่วนต่างราคา ซึ่งเท่ากับว่านี่คือกำไรล้วนๆ
หลังจากนั้น เขาเริ่มชักชวนให้หลายๆ คนมาร่วมลงทุนในธุรกิจนี้ โดยเสนอผลตอบแทนสูงมากถึง 50% ในระยะเวลาเพียง 45 วัน และ 100% ใน 90 วัน ทำให้มีคนเป็นจำนวนมากได้เข้ามาลงทุนกับเขา ด้วยผลตอบแทนที่สูงอย่างไม่น่าเชื่อ แผนการของเขาก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ทำเอานักลงทุนหลายคนเชื่อในวิธีการของเขา และเริ่มนำเงินมาลงทุนเป็นจำนวนมาก ทำให้เขาสามารถขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว และสามารถระดมเงินลงทุนได้เป็นจำนนมากจากผู้คนทั่วประเทศ
อย่างไรก็ดี พอนซีก็ไม่ได้นำเงินเหล่านี้ไปลงทุนในคูปองไปรษณีย์ตามที่เขาแอบอ้าง แต่กลับใช้วิธีการนำเอาเงินจากนักลงทุนรายใหม่ไปจ่ายผลตอบแทนให้กับนักลงทุนรายเก่า โครงการของเขาจึงยังคงดำเนินต่อไปได้ตราบใดที่ยังมีนักลงทุนใหม่เข้ามา โดยในช่วงเวลานั้น พอนซีเริ่มกลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง และมีทรัพย์สินมากมาย เขาสามารถซื้อคฤหาสน์หรูได้อย่างสบายๆ และใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยไปวันๆ แต่ ทว่าการขยายตัวของแผนการนี้ มันกลับเป็นสัญญาณของการล่มสลายที่ใกล้เข้ามาในไม่ช้า และในปี 1920 ที่ผ่านมา แม้ว่าเขาจะพยายามรักษาความลับของโครงการนี้เอาไว้ แต่ในที่สุดบรรดาสื่อมวลชน และนักสืบทั้งหลาย ต่างก็เริ่มตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ของการทำกำไรในระดับสูงเช่นนั้น บางคนเริ่มสังเกตด้วยว่า ธุรกิจของเขาไม่ได้มีการทำธุรกรรมจริงๆ ในการซื้อขายคูปองเลย
ทั้งนี้สิ่งที่ทำให้แผนการของเขาต้องล่มสลายลงอย่างรวดเร็ว เพราะว่ามีผู้ลงทุนเริ่มขอถอนเงินลงทุนคืนเป็นจำนวนมาก แต่เขาไม่สามารถหาเงินมาจ่ายให้ทุกคนได้ เพราะโครงการของเขาไม่ได้มีการลงทุนจริงๆ ผลก็คือในเดือนกรกฎาคม 1920 โครงการ Ponzi Scheme ได้พังทลายลงอย่างไม่เป็นท่า และพอนซีก็ถูกจับกุม และถูกฟ้องร้องด้วยข้อหาฉ้อโกงในที่สุด