จ้างวานฆ่า!หวังฮุบธุรกิจพันล้าน!!
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เปิดปฏิบัติการค้นบริษัทหลังได้เบาะแส“หวังฮุบกิจการพันล้าน ต้นเหตุคดีจ้างวานฆ่าลูกเมียตนเอง!”
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.แพรกษา อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ สืบเนื่องจาก มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกรรมการและผู้ถือหุ้นบางส่วนที่มีพฤติกรรมทุจริตเพื่อเข้าครอบครองหรือฮุบกิจการไว้เป็นของกลุ่มตนเอง โดยมีการทำปลอมแปลงเอกสารสำคัญทางบริษัท เช่น รายงานการประชุม สัญญาซื้อขาย และมีการจัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาเพื่อถ่ายโอนทรัพย์สินจากบริษัทเดิมไปยังบริษัทใหม่ โดยมีมูลค่าความเสียหายหลายร้อยล้านบาท
เหตุดังกล่าวเป็นชนวนให้เกิดการขัดแย้งผลประโยชน์ทางธุรกิจและความขัดแย้งภายในครอบครัว กระทั่งนำไปสู่การวางแผนจ้างวานฆ่าในคดีที่พ่อจ้างวานฆ่าลูกและภรรยาตนเอง ซึ่งมีการจับกุมผู้บงการและผู้มีส่วนร่วมในคดีจ้างวานฆ่าดังกล่าว จำนวน 3 ราย เมื่อปลายปี พ.ศ.2566 โดย 1 ในผู้ต้องหานั้นเป็นถึงอดีตนายพลเรือตรีที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่าหลังจากที่มีจับกุมผู้ต้องหาในคดีจ้างวานฆ่าดังกล่าวแล้ว ยังคงมีกลุ่มทหารที่เป็นลูกน้องของอดีตพลเรือตรีที่ถูกจับกุมหลายนายเข้ามาดำเนินการในรูปแบบของผู้ถือหุ้นในบริษัทฯ โดยมีหารแทรกแซงและเข้าควบคุมการดำเนินกิจการของบริษัทในลักษณะข่มขู่พนักงานบริษัทภายใต้คำสั่งของกรรมการและผู้ถือหุ้นที่ทุจริตที่ถูกจับอยู่ภายในเรือนจำในคดีจ้างวานฆ่าและยังคงได้รับเงินเดือนและผลตอบแทนตามปกติ
ด้วยเหตุนี้เองทำให้ผู้เสียหายที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ไม่สามารถเข้ามาดำเนินกิจการภายในบริษัทได้ เพราะเกรงกลัวอิทธิพลของกลุ่มทหารที่เข้ามาบริหารอยู่ภายในบริษัท จนนำมาสู่การเปิดปฎิบัติของเจ้าหน้าที่ กก.3 บก.ปอศ. และชุดปฏิบัติการพิเศษ(หนุมาน) เข้าดำเนินการตรวจค้นบริษัทดังกล่าว
จากการตรวจค้น พบเอกสารเกี่ยวกับบัญชีซื้อขายและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจระหว่างบริษัทเดิมกับบริษัทที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นลักษณะการปลอมแปลงเอกสารทางบัญชี งบการเงิน รายงานการประชุม ขึ้นมาเพื่อเป็นการถ่ายโอนทรัพย์สิน โดยระหว่างตรวจค้นพบกรรมการและผู้ถือหุ้นของบริษัทใหม่จำนวนหลายราย เข้ามาบริหารงานในบริษัทเดิมในลักษณะว่าจ้างเป็นที่ปรึกษาโดยที่ผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นมากที่สุดไม่ได้ยินยอมให้มีการว่าจ้าง ระหว่างตรวจค้นพบผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลายรายอยู่แต่ละแผนกของบริษัท เช่น ฝ่ายบัญชี ฝ่ายการผลิต และฝ่ายบริหาร เป็นต้น
หลังตรวจค้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป