จีนเจน Z ปรับตัวเข้ากับ "เศรษฐกิจของเลียนแบบ" ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ
จีนเจน Z ปรับตัวเข้ากับ "เศรษฐกิจของเลียนแบบ" ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ
Louis Vuitton เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศจีน
SOPA Images/LightRocket/SOPA Images/LightRocket via Gett
ในขณะที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขเชิงสถิติ แต่ส่งผลโดยตรงต่อชีวิตของคนรุ่นใหม่ เช่น เจิ้ง เจียเหวิน วัย 23 ปี ซึ่งทำงานเต็มเวลาในบริษัทโฆษณาในเมืองกวางโจว ทางตอนใต้ของจีน
ก่อนหน้านี้ เจิ้งมีรายได้ประมาณ 30,000 หยวน (ประมาณ 4,230 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ต่อเดือน แต่เมื่อธุรกิจของบริษัทเริ่มซบเซา รายได้ของเธอก็ลดลงตามลำดับ จนกระทั่งถึงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่รายได้ของเธอถูกหั่นครึ่ง เธอจึงต้องลดการใช้จ่ายอย่างหนัก หยุดซื้อแบรนด์หรูอย่าง Louis Vuitton, Chanel และ Prada
เจิ้งและเพื่อนๆ หันมาใช้สินค้าที่เรียกว่า "ปิ้งถี" (Pingti) หรือสินค้าเลียนแบบคุณภาพสูง หรือที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า "dupes" ซึ่งสินค้าบางชิ้นคล้ายคลึงกับของแท้มาก ในขณะที่บางชิ้นได้รับแรงบันดาลใจจากแบรนด์ดัง แต่เพิ่มความหลากหลายในเรื่องของสีสันและพื้นผิว
สินค้าประเภทนี้กำลังได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วท่ามกลางความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงในระดับต่ำสุดในประวัติศาสตร์ การค้นหาสินค้าเลียนแบบบนโซเชียลมีเดียพุ่งสูงขึ้นถึงสามเท่าในช่วงปี 2022 ถึง 2024
นอกจากสินค้าหรูแล้ว สินค้ากีฬาก็เป็นหนึ่งในสินค้าที่มีการเลียนแบบ เช่น กางเกงโยคะ Align ของ Lululemon ที่มีราคาประมาณ 750 หยวน แต่สินค้าที่คล้ายกันบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจีนมีราคาเพียง 5 ดอลลาร์ และอ้างว่าคุณภาพเทียบเท่ากัน
ปรากฏการณ์นี้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อยอดขายของแบรนด์หรู โดยเฉพาะ LVMH เจ้าของ Louis Vuitton ที่ยอดขายในภูมิภาคเอเชีย (ยกเว้นญี่ปุ่น) ลดลง 10% ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้
ในขณะที่ผู้บริโภคยังคงระมัดระวังในการใช้จ่าย การบริโภคที่ซบเซานี้ทำให้เกิดการปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนจากนักเศรษฐศาสตร์หลายราย ซึ่งคาดว่าอาจไม่ถึงเป้าหมายการเติบโตที่ 5%