สาวเกาหลีใต้เผยเบื้องหลังของการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม
Yooree Kim ซึ่งมีอายุ 11 ปี เมื่อเธอถูกส่งตัวโดยหน่วยงานรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมไปยังครอบครัวหนึ่งในฝรั่งเศส ขณะอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ของเธอในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม
ภาพโดย Jae C. Hong
ผู้ที่ถูกรับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมจากเกาหลีใต้เปิดเผยว่าพวกเขาถูก "แปรเป็นสินค้า" และรัฐบาลต่างประเทศเพิกเฉยต่อการฉ้อโกงที่เกี่ยวข้องกับการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม จากการสืบสวนพบว่าเอกสารการรับเลี้ยงบุตรหลายฉบับเป็นเท็จ และการเรียกร้องความรับผิดชอบจากรัฐบาลเกาหลีใต้ได้ขยายไปถึงประเทศต่างๆ ที่รับบุตรบุญธรรม
Yooree Kim หนึ่งในผู้ที่ถูกรับเลี้ยงในต่างประเทศ ได้เข้ารายงานต่อสถานีตำรวจในกรุงปารีสว่าเธอถูกลักพาตัวจากเกาหลีใต้เมื่อ 40 ปีก่อน และรัฐบาลฝรั่งเศสมีส่วนในการสนับสนุน เธอเล่าว่าตัวเองมีพ่อแม่ที่ดูแลและรักเธอ แต่ถูกจัดทำเอกสารว่าเป็นเด็กกำพร้าในปี 1984 และส่งตัวไปยังครอบครัวในฝรั่งเศสโดยไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง เธอเชื่อว่าหลายประเทศในตะวันตก รวมถึงฝรั่งเศส อนุญาตให้เกิดการ "สั่งเด็กผ่านไปรษณีย์" โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องของเอกสารและความปลอดภัยของเด็ก
Yooree Kim (คนซ้ายในภาพ) แสดงรูปถ่ายวัยเด็กของเธอและน้องชาย (คนที่สองจากซ้าย) ที่อพาร์ตเมนต์ของเธอในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม
ภาพโดย Jae C. Hong
ระบบการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมระหว่างประเทศนี้มีการส่งเด็กเกาหลีใต้หลายแสนคนไปยังครอบครัวในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และออสเตรเลีย ซึ่งในปัจจุบันหลายคนได้พบว่าเอกสารการรับเลี้ยงของพวกเขาไม่เป็นความจริง การสืบสวนของสำนักข่าว Associated Press พบว่ารัฐบาลในประเทศตะวันตกหลายประเทศเพิกเฉยต่อการฉ้อโกงและบางครั้งกดดันรัฐบาลเกาหลีใต้ให้ส่งเด็กเพิ่มขึ้น โดยเอกสารแสดงให้เห็นว่ามีการประมวลผลเอกสารการรับเลี้ยงเหมือนการทำงานในสายพานการผลิต ทั้งยังมีแรงกดดันต่อแม่ที่ไม่พร้อมจะเลี้ยงลูกและการจ่ายเงินให้โรงพยาบาล
ผู้ถูกรับเลี้ยงหลายคน เช่น Kim เชื่อว่ารัฐบาลตะวันตกมองว่าการรับเลี้ยงบุตรเป็นการ "ช่วยเหลือเด็กที่ต้องการความช่วยเหลือ" แต่กลับเพิกเฉยต่อหลักฐานที่บ่งชี้ว่าระบบนี้อาจเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวและการฉ้อโกง
เหตุการณ์นี้ได้ส่งผลกระทบต่อวงการการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมทั่วโลก โดยเนเธอร์แลนด์ได้ประกาศยุติการรับบุตรจากต่างประเทศ เดนมาร์กและสวีเดนก็หยุดรับเด็กจากเกาหลีใต้ นอร์เวย์กำลังดำเนินการสืบสวน ส่วนสวิตเซอร์แลนด์ได้ออกมาขอโทษสำหรับการไม่ป้องกันการรับเลี้ยงที่ผิดกฎหมาย ขณะที่ฝรั่งเศสได้ประเมินการมีส่วนร่วมของตนเองอย่างละเอียดในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ในขณะเดียวกัน สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นประเทศที่มีการรับเลี้ยงบุตรจากต่างประเทศมากที่สุด ยังไม่ได้ทำการประเมินบทบาทของตนเอง แต่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เริ่มตรวจสอบข้อมูลจากเอกสารในอดีต โดยพบว่าการรับเลี้ยงบุตรในเกาหลีใต้ในช่วงเวลานั้นอาจเกี่ยวข้องกับเอกสารที่ถูกปลอมแปลง
Cr.The Associated Press