หมอเองยังเอ่ยปากว่าไม่เคยเจอ หลังหนุ่มป่วยอาหารเป็นพิษ แต่ดันไปส่งผลต่อองคชาติ
เป็นการรายงานข่าวมาจากสำนักข่าวต่างประเทศเมื่อวานนี้ (30 สิงหาคม 2567) ว่าชายคนหนึ่งที่ป่วยเพราะอาหารเป็นพิษ แต่กลับมีผลกระทบต่ออวัยวะเพศร่วมด้วย ด้านทีมแพทย์ที่รักษาเชื่อว่าเป็นผู้ป่วยรายแรกของโลกที่มีอาการผิดปกติเช่นนี้ รายงานข่าวระบุว่า ชายวัย 38 ปีรายหนึ่งได้เข้ารับการรักษาจากแพทย์เฉพาะทางด้านระบบทางเดินปัสสาวะ หลังจากที่อวัยวะเพศของเขามีอาการแดง บวม และมีการตกสะเก็ดอยู่นานเกือบ 1 สัปดาห์ จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าอาการดังกล่าวเกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่เขามีอาการท้องเสียและอาเจียนอย่างรุนแรง ทีมแพทย์จากศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยอเมริกันแห่งกรุงเบรุตในเลบานอน ซึ่งเป็นสถานที่ที่ชายคนนี้รักษาตัวอยู่ ได้มีการเก็บตัวอย่างจากอวัยวะเพศของเขา เพื่อนำไปทดสอบว่ามีการติดเชื้อหรือไม่ ผลปรากฏว่าทีมแพทย์พบเชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส ซีเรียสในตัวอย่างที่เก็บไป แบคทีเรียชนิดนี้มักพบในข้าวหุงสุกที่ถูกทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลานานเกินไป และหากรับประทานเข้าไปก็อาจทำให้เกิดอาการป่วยและปวดท้องได้ แพทย์สรุปว่าการติดเชื้อที่อวัยวะเพศซึ่งเป็นกรณีที่ผิดปกติของชายคนดังกล่าว เนื่องมาจากอาการท้องเสียและอาเจียน ซึ่งเกิดขึ้นเกือบจะทันทีหลังจากที่เขามีเซ็กซ์อย่างดุเดือดกับภรรยา
โดยก่อนหน้านั้น 1 วัน เขาได้รับประทานอาหารที่มีข้าวอยู่ด้วย หลังจากนั้นจึงเริ่มมีอาการป่วย แพทย์อธิบายว่า การมีความสัมพันธ์ทางเพศอาจเพิ่มความเสี่ยงที่แบคทีเรียจะแทรกซึมเข้าสู่ผิวหนังได้เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของหลอดเลือดในอวัยวะ รายงานระบุว่าแบคทีเรียดังกล่าวได้สัมผัสโดยตรงกับขาหนีบของคนไข้ ทีมแพทย์ระบุว่า การพบเชื้อบาซิลลัส ซีเรียสที่ผิวหนังถือเป็นเรื่องผิดปกติ อยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นการพบเชื้อที่อวัยวะเพศ และกรณีของผู้ป่วยรายนี้ก็ถือว่าเป็นรายแรกของโลกที่เกิดอาการป่วยเพราะอาหารเป็นพิษที่อวัยวะเพศด้วย
คนไข้รายนี้ได้รับการรักษาด้วยกรดฟิวซิดิกซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะที่ใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียเฉพาะที่ ผู้ป่วยยังได้รับคำแนะนำให้ทำความสะอาดอวัยวะสำคัญให้ดี, หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์และการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองจนกว่าอาการจะหายขาด เมื่อผ่านไป 1 เดือนหลังจากการติดเชื้อ คนไข้ก็รายงานว่าไม่มีอาการแสบร้อนหรือรู้สึกไม่สบายที่บริเวณอวัยวะเพศและการติดเชื้อก็หายขาด กรณีศึกษานี้ได้รับการเผยแพร่ในวารสาร Annals of Medicine and Surgery ระบุว่าการติดเชื้อที่องคชาตมักเกิดขึ้นหลังจากได้รับบาดเจ็บที่ทำให้เกิดแผลเปิด และมักเกี่ยวข้องกับแบคทีเรียสเตรปโตค็อกคัสกลุ่มเอ