แอฟริกา ซีดีซี รายงานว่า ผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงสะสมในทวีปเกิน 21,0000 ราย เสียชีวิตแล้วกว่า 590 ราย
เป็นการรายงานข่าวมาจากสำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงไนโรบี ประเทศเคนยาในวันนี้ (25 สิงหาคม 2567) ว่าศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแอฟริกา (แอฟริกา ซีดีซี) รายงานสถานการณ์โรคฝีดาษลิง หรือ เอ็มพ็อกซ์ ในภูมิภาค ว่าจำนวนผู้ป่วยสะสม นับตั้งแต่ต้นปีนี้ จนถึงวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา อยู่ที่อย่างน้อย 21,466 คน และมีผู้เสียชีวิตสะสมอย่างน้อย 591 ราย ตอนนี้ มีอย่างน้อย 13 ประเทศในแอฟริกา ซึ่งยืนยันผู้ป่วยโรคฝีดาษลิง ได้แก่ บุรุนดี แคเมอรูน สาธารณรัฐแอฟริกากลาง (ซีเออาร์) สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (ดีอาร์คองโก) สาธารณรัฐคองโก ไอวอรีโคสต์ กาบอง ไลบีเรีย เคนยา ไนจีเรีย รวันดา แอฟริกาใต้ และยูกันดา
รายงานของแอฟริกา ซีดีซี ระบุว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการปานกลาง และเรียกร้องทุกประเทศในภูมิภาคร่วมกันยกระดับการสอบสวนโรค เพื่อให้การควบคุมโรคมีประสิทธิภาพมากกว่านี้ ขณะเดียวกัน แอฟริกา ซีดีซี กล่าวในแถลงการณ์ด้วยว่า จะได้รับความสนับสนุนเป็นวัคซีนฝีดาษลิง 200,000 โดส ตามข้อตกลงกับสหภาพยุโรป (อียู) และบริษัทบาวาเรียน นอร์ดิก ของเดนมาร์ก ป็นผู้ผลิตวัคซีนที่มีชื่อทางการพาณิชย์ว่า อิมวาเนกซ์ (Imvanex) หรือ จีนนีโอส (JYNNEOS) สำหรับโรคฝีดาษ หรือไข้ทรพิษ ซึ่งองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ประเมินประสิทธิภาพต่อโรคฝีดาษลิงไว้ที่ 85%
ด้านนพ.เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการดับเบิลยูเอชโอ กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิง จากกลุ่มเชื้อไวรัสสายพันธุ์ 1 บี หรือ เคลด 1 บี ที่มีการกลายพันธุ์และมีความรุนแรงมากขึ้น จนดับเบิลยูเอชโอประกาศให้เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี ว่ายังคงสามารถป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดได้ หากทุกภาคส่วนร่วมมือกัน อนึ่ง องค์การอนามัยโลกประกาศการระดมทุนอย่างน้อย 135 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4,578.80 ล้านบาท) เพื่อภารกิจควบคุมโรคฝีดาษลิงภายในระยะเวลาอีก 6 เดือนข้างหน้า