แฮกเกอร์หนุ่ม แฮกเข้าระบบของรัฐ เพื่อเปลี่ยนแปลงข้อมูลของตัวเอง โดยให้ระบุว่าเสียชีวิตไปแล้ว เพื่อเลี่ยงการจ่ายค่าเลี้ยงดูลูก
เรื่องราวนี้ได้ถูกเปิดเผยขึ้นมาโดยอัยการสหรัฐแถลงข้อกล่าวหาหนุ่มแฮกเกอร์จากเคนทักกี ว่าพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตร แม้กระทั่งเจาะเข้าฐานข้อมูลรัฐ เพื่อหลอกลวงว่าตัวเองตายแล้ว โดยอัยการสหรัฐชี้แจงกรณีชายชาวเคนทักกี พยายามปลอมแปลงข้อมูลว่าตนเองเสียชีวิตแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตร โดยอาศัยการแฮกเข้าไปในระบบทะเบียนราษฎร์ และปลอมแปลงข้อมูลการตาย ผู้ต้องหาคือ เจสซี คิปฟ์ อายุ 39 ปี จากเมืองซอมเมอร์เซต รัฐเคนทักกี โดนศาลตัดสินให้รับโทษจำคุก ที่เรือนจำของรัฐบาลกลางเป็นเวลา 9 ปี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากเขารับสารภาพว่า พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตร คาร์ลตัน เชียร์ อัยการประจำเขตตะวันออกของรัฐเคนทักกี เผยแพร่ข้อมูลระหว่างแถลงข่าวว่า แผนการของคิปฟ์ เริ่มต้นขึ้นในเดือนมกราคม 2566 เขาลักลอบเจาะเข้าฐานข้อมูลของระบบทะเบียนราษฎร์ในฮาวาย โดยอาศัยชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านของนายแพทย์คนหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในรัฐอื่น เมื่อเข้าไปในระบบได้แล้ว คิปฟ์ก็ปลอมข้อมูลการเสียชีวิตของตนเอง และกรอกเอกสารเพื่อออกใบมรณบัตรในรัฐนั้น รวมถึงลงนามรับรองเอง โดยใช้ลายเซ็นดิจิทัลของนายแพทย์คนหนึ่ง อัยการเชียร์ระบุว่า การกระทำของคิปฟ์ ทำให้เขากลายเป็นผู้เสียชีวิตแล้ว ในฐานข้อมูลของรัฐบาลหลายแห่ง นอกจากนี้ เขายังเจาะเข้าระบบการลงทะเบียนของรัฐและเครือข่ายส่วนตัวอื่นๆ จากนั้นก็นำข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนที่มีตัวตนจริง ไปขายบนเว็บไซต์ผิดกฎหมาย คิปฟ์ยอมรับว่าเขาแกล้งทำเป็นว่าตัวเองเสียชีวิต โดยมีสาเหตุหนึ่งคือต้องการหลีกเลี่ยงภาระค่าเลี้ยงดูบุตรที่ยังค้างจ่ายอยู่ เขาโดนจับกุมในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว และรับสารภาพในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ตามข้อกล่าวหาของรัฐบาลกลาง เกี่ยวกับการขโมยข้อมูลส่วนบุคคลและฉ้อโกงคอมพิวเตอร์ สุดท้ายเขาโดนตัดสินให้รับโทษจำคุก 9 ปี นอกจากนี้ เขายังต้องจ่ายเงินชดเชยความเสียหายทั้งที่เกิดขึ้นต่อระบบฐานข้อมูลของรัฐ และค่าเลี้ยงดูบุตรที่ยังจ่ายไม่ครบ คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 195,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 6.6 ล้านบาทนั่นเอง