รีบติดตั้งศูนย์ระฆังร้องทุกข์
พิเชษฐ์ รองปธ.สภาฯ ตั้ง"ระฆังร้องทุกข์ เป็นสัญลักษณ์ศูนย์รับร้องทุกข์ เตรียมเปิดใช้อีก 1 - 2 สัปดาห์
ที่ อาคารรัฐสภา หลังจากที่ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 มีดำริให้นำระฆังโบราณ หรือ ระฆังร้องทุกข์ มาติดตั้งไว้ด้านหน้าทางเข้าอาคารรัฐสภาหรือหน้าศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ เพื่อให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนใจได้ สามารถเข้ามาสั่นระฆังร้องเรียนความเดือดร้อนของตนเองได้เต็มที่
ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า หลังจากที่ทำการย้ายสภามายังสภาแห่งใหม่ ถ.สามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กทม. ทำให้จุดรับเรื่องร้องทุกข์ไม่มีจุดเป็นหลักเป็นแหล่งจึงนำบริเวณด้านหน้าทางเข้าสภาที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนมาใช้อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและง่ายต่อการเดินทางเข้ามาร้องทุกข์อีกด้วย
ส่วนขั้นตอนการดำเนินการร้องทุกข์ต่างๆ ผู้ที่มาร้องทุกข์จะต้องนำเอกสารและหลักฐานที่มีมายื่นให้กับเจ้าหน้าที่ในจุดศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะทำเรื่องส่งไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเสียก่อน โดยจะใช้ระยะเวลา 3 - 5 วัน จึงจะสามารถส่งเรื่องราวร้องทุกข์ต่างๆต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้าช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งต่าง ๆ ให้กับประชาชนได้ ทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า ปัจจุบันยังจุดหรือศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ ยังไม่ได้เปิดให้บริการ คาดว่าจะเปิดให้ประชาชนเข้ามาสั่น ระฆังร้องทุกข์ ได้อีกประมาณ 1-2 สัปดาห์หน้า ส่วนประชาชนท่านใดไม่ต้องสั่นระฆังก็สามารถทำได้เช่นกัน เพียงแต่ต้องมีเอกสารและหลักฐานมายื่นให้กับเจ้าหน้าที่พนักงาน
ส่วนจุดประสงค์หลักในการนำระฆังโบราณหรือ ระฆังร้องทุกข์ มาตั้งเอาไว้นั้นเพื่อแสดงถึงจุดยืนดังกล่าว เป็นจุดที่เอาไว้รับเรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างแท้จริง เป็นแนวคิดของ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2ของเรา
ประชาชนที่ต้องการเข้ามาร้องทุกข์ สามารถเดินทางมาได้ตั้งแต่ วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 08.00 - 16.30 น. หรือเวลาทำการราชการตามปกติ รวมทั้งยังสามารถร้องทุกข์ผ่านช่องทาง
อื่น ๆ ได้ อาทิ การส่งจดหมาย , อีเมล , SMS , เบอร์โทรศัพท์ และอื่น ๆ รวม 5 - 6 ช่องทาง เพื่ออำนวยความสะดวกในการร้องทุกข์ของประชาชนได้
แต่อย่างไรก็ตาม ระฆังร้องทุกข์ ดังกล่าว เป็นการ หล่อ ขึ้นใหม่ โดยการเรียนแบบของเก่า ซึ่งมีโลโก้สภาด้านหน้าและด้านหลัง รวมทั้งมีกำกับปี พ.ศ. 2567 ด้วย อย่างชัดเจน