อุทาหรณ์ สาวสวยดาวหมู่บ้าน สู่สภาพผอม 19 กก. หนังหุ่มกระดูก เมื่อรู้สาเหตุยิ่งสะท้อนใจ
อุทาหรณ์ สาวสวยดาวหมู่บ้าน สู่สภาพผอม 19 กก. หนังหุ่มกระดูก เมื่อรู้สาเหตุยิ่งสะท้อนใจ
สำนักข่าวเวียดนาม รายงานสกู๊ปของสาวสวยชื่อดัง ได้รับบทเรียนราคาแพงจากการการลดน้ำหนักผิดวิธี ไม่กินแป้งเลย
เคยมีสาวสวยคนหนึ่งในหมู่บ้านที่ใครๆก็รู้จัก เธอชื่อ “เฟื่อง” หรือ บุย ถิ ทู เฮือง อายุ 26 ปี เธอเป็นคนสุขภาพดี สูง 155 ซม. น้ำหนัก 53-54 กก. ไม่ค่อยเจ็บป่วย แถมยังมีรูปร่างหน้าตาสะสวย จนเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว
แต่แล้วเมื่อเฟื่องเข้าสู่วัยมัธยม เธอก็เริ่มกังวลเรื่องน้ำหนักตัว อยากผอมเพรียวตามสมัยนิยม จึงตัดสินใจลดน้ำหนักด้วยวิธีสุดโต่ง คือการตัดแป้งออกจากมื้ออาหารทั้งหมด ไม่ว่าเป็นข้าว เส้นก๋วยเตี๋ยวก็ไม่กิน เธอกินแต่ผักและถั่วเท่านั้น แม้แต่เนื้อสัตว์ก็แทบจะไม่แตะ
พ่อแม่ของเฟื่องเป็นห่วงสุขภาพของลูกสาวมาก พยายามเตือนให้เธอกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ แต่เฟื่องไม่เชื่อฟัง เธอมั่นใจว่าตัวเองรู้ดีว่าอะไรดีหรือไม่ดีต่อร่างกาย
ผ่านไป 1 ปี เฟื่องผอมลงอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ญาติๆและเพื่อนบ้านยังอดเป็นห่วงไม่ได้ ต่างก็เตือนให้เธอเลิกอดอาหาร แต่เฟื่องก็ยังคงยืนยันในวิธีของเธอ จบมัธยมปลาย เฮืองทำงานโรงงานตัดเย็บ เธอไม่ได้คุมอาหารเข้มงวดเหมือนเดิม แต่ก็ยังไม่กินแป้ง
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี 2565 เมื่อเฟื่องประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้เธอต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล แผลที่ขาของเธอหายช้ากว่าคนปกติ เนื่องจากร่างกายขาดสารอาหาร
หลังจากออกจากโรงพยาบาล เฟื่องก็ยังล้มบ่อยๆ จนต้องเข้าโรงพยาบาลอีกหลายครั้ง สุขภาพของเธอย่ำแย่ลงเรื่อยๆ น้ำหนักลดลงจนเหลือเพียง 19 กิโลกรัม ร่างกายผ่ายผอมจนเห็นเส้นเลือด
เฟื่องรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ไม่เคยรักตัวเอง เธอปล่อยให้อาการคลั่งผอมทำลายสุขภาพจนแทบไม่มีทางเยียวยา จากสาวสวยอนาคตไกล เฟื่องกลายเป็นคนอ่อนแอ แม้แต่การลุกนั่งยังเป็นเรื่องยาก
แพทย์วินิจฉัยว่าเฟื่องป่วยเป็นโรคขาดสารอาหารแบบฝ่อลีบ เธอต้องกินอาหารตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และทำกายภาพบำบัดทุกวัน แม้แต่อยากจะเดินขึ้นบันไดก็ยังต้องให้ยายช่วยพยุง
ปัจจุบัน เฟื่องอาศัยอยู่กับปู่ย่าตายายและญาติๆ ตอนนี้ยังมีอาการเหนื่อยหอบง่าย เธอมีความหวังว่าสักวันหนึ่งจะสามารถฟื้นฟูสุขภาพกลับมาได้ 60-70% เธออยากเตือนทุกคนว่า “จงรักตัวเองให้มากๆ สุขภาพเป็นสิ่งสำคัญที่สุด หากไม่มีสุขภาพแล้ว ก็คงทำอะไรไม่ได้”