รมว.พิมพ์ภัทรา เร่งดีพร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสีเขียวภาคใต้ ดันธุรกิจเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อโลก เพื่อเรา
รมว.พิมพ์ภัทรา เร่งดีพร้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสีเขียวภาคใต้ ดันธุรกิจเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อโลก เพื่อเรา
วันที่ 9 สิงหาคม 2567 นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม เร่งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสีเขียวให้ก้าวไปข้างหน้า เพื่อโลก เพื่อเรา ส่งต่ออุตสาหกรรมเขียวจากรุ่นสู่รุ่น ผ่านกลไก 3 ด้าน คือ Green Productivity Green Marketing และ Green Finance โดยผลักดันการดำเนินธุรกิจที่จะต้อง คำนึงถึงความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผ่านการจัดกิจกรรม “Moving Green Forward ก้าวไปข้างหน้า เพื่อโลก เพื่อเรา” ภาคใต้ ด้วยโปรเจกต์กรีนต่าง ๆ ในปี 2567 ประกอบด้วย การพัฒนาผลิตภัณฑ์ อาทิ สมุนไพรเชิง พื้นที่เพื่อสุขภาพและความงาม อาหารจากซูเปอร์ฟู้ด ผลิตภัณฑ์จากเส้นใยชีวภาพ ผลิตภัณฑ์อัพไซเคิล (Upcycled Product) และการพัฒนาและยกระดับกระบวนการผลิตพลังงานและเชื้อเพลิงจากชีวมวล (Biomass) มุ่งสร้างการรับรู้ และจูงใจให้ผู้ประกอบการให้เห็นความสำคัญในการจัดการภาวะโลกร้อนที่เป็นความท้าทายต่อภาคการผลิตของ ไทยในยุคปัจจุบัน โดยตั้งเป้ายกระดับผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคใต้กว่า 300 ราย ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่า ทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 121 ล้านบาท
นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เผยอีกว่า ปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมไทย กำลังเผชิญความเสี่ยงและความผันผวนจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการ เปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และเทคโนโลยี ทั้งนี้ยังรวมถึงผลกระทบจากวิกฤตสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นทั้งโอกาส และความท้าทายต่าง ๆ ให้ภาคอุตสาหกรรม รวมถึงภาวะโลกเดือด ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากกิจกรรมของมนุษย์ที่ปล่อยก๊าซ เรือนกระจกเพิ่มมากขึ้นจนเกินสมดุล เพื่อผลักดันภาคอุตสาหกรรมให้เติบโตทางเศรษฐกิจและตอบโจทย์ตลาดโลก ดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรม จึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนให้เป็นหน่วยงานภาครัฐของกระทรวงอุตสาหกรรมที่ “สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง” โดยกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมให้ก้าวไปข้างหน้า เพื่อโลก เพื่อเรา ส่งต่ออุตสาหกรรมสีเขียวจากรุ่นสู่รุ่นผ่านกลไก 3 ด้าน คือ 1) Green Productivity 2) Green Marketing และ 3) Green Finance โดยได้มอบหมายให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เร่งสร้างการรับรู้ให้ ภาคอุตสาหกรรมได้ตระหนักและให้ความสำคัญ ในการลดการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง ลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงการพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายและกฎระเบียบเกี่ยวกับการจัดการภาวะโลกร้อนที่เป็นความท้าทายต่อ ภาคการผลิตของประเทศ โดยคาดว่าจะสามารถนำร่องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรมได้มากกว่า 7.2 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เผยว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม ขานรับทิศทางการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมทั้ง 3 ด้าน โดยเชื่อมกับนโยบาย RESHAPE THE FUTURE : โลกเปลี่ยน อุตสาหกรรมปรับ พร้อมรับอนาคต มุ่งยกระดับให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมสามารถปรับตัวให้ก้าวทันอุตสาหกรรม ยุคใหม่ให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลก (RESHAPE THE INDUSTRY) โดยเฉพาะในเรื่องของการดำเนินธุรกิจ ที่จะต้องคำนึงถึงความยั่งยืน ผ่านการจัดกิจกรรม “Moving Green Forward ก้าวไปข้างหน้า เพื่อโลก เพื่อเรา” โดยโครงการยกระดับธุรกิจ SME ด้วยการประยุกต์ใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG ยังมีรูปแบบกิจกรรมที่มุ่งส่งเสริมการใช้ นวัตกรรมในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) โดยตั้งเป้ายกระดับผู้ประกอบการให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้งประเทศจำนวนกว่า 1,800 ราย และคาดการณ์ว่าการดำเนินโครงการดังกล่าว สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 1,380 ล้านบาท ทั้งนี้ ดีพร้อม เชื่อมั่นว่าโครงการดังกล่าวจะเป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่ สำคัญของภาครัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไปสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 และมุ่งสู่การ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2608 นายภาสกร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกิจกรรม Moving Green Forward ก้าวไปข้างหน้า เพื่อโลก เพื่อเรา ภาคใต้ เป็นการเร่งสร้างการรับรู้ให้ภาคอุตสาหกรรมได้ตระหนักและให้ความสำคัญในการลดการใช้ทรัพยากรอย่าง สิ้นเปลือง ลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมในภาคใต้เกิดความตระหนักเห็นถึงความสำคัญของการ บริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม การมุ่งหน้าสู่สังคมไร้คาร์บอน (Net-Zero) และการติดตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง
“ ทั้งนี้มีการจัดบรรยายและเสวนาจากผู้เชี่ยวชาญ บริษัทชั้นนำ และผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์ในการประกอบ ธุรกิจสู่สังคมคาร์บอนต่ำในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช รวมทั้งการแสดงผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการและวิสาหกิจที่ สอดคล้องกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการใช้ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมจากธรรมชาติ อย่างคุ้มค่าจากกล่มเครือข่ายและ ผู้ประกอบการ จำนวน 8 กลุ่ม ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มกล้วยกรอบทองบ้านศาลา วิสาหกิจชุมชนขนมแปรรูปป้าแดง วิสาหกิจชุมชนการท่องเที่ยวเชิงเกษตรผสมผสานกรุงชิง วิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลิตภัณฑ์และท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ วิสาหกิจชุมชนผึ้งชันโรงท่าศาลา วิสาหกิจชุมชนปลาใสอวนแม่กวน วิสาหกิจชุมชนผู้ประกอบการท่องเที่ยวพรหมโลก และเพ็ชรคีรี คอสเมติก รวมถึงการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวข้องกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามกระแสรักษ์โลกตาม โครงการสนับสนุนด้านการลงทุนตามแนวทาง BCG จากอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และโครงการสนับสนุนพลังชุมชนเพื่อชุมชนเข้มแข็งจากบริษัทปูนซิเมนต์ไทย (ทุ่งสง) จำกัด รวมทั้งการบริการด้าน สินเชื่อสำหรับธุรกิจรักษ์โลกจากสถาบันการเงิน จำนวน 6 หน่วยงาน ได้แก่ สินเชื่อธนาคารออมสิน สินเชื่อธนาคารเพื่อ การเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) สินเชื่อค้ำประกันจากบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) สำนักงานเขตภาคใต้ตอนล่าง สินเชื่อ เพื่อหมุนเวียนธุรกิจ SME จากบริษัท ลิชอิท จำกัด และสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนจากดีพร้อม ทั้งนี้ การจัดงาน Moving green forward ก้าวไปข้างหน้า เพื่อโลก เพื่อเรา ภาคใต้ ถือเป็นการจัดงานครั้งที่ 4 จากทั่วทุกภูมิภาค ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกที่ภาคกลาง เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 จังหวัดกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 2 พื้นที่ ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2567 ครั้งที่ 3 พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2567 “ นายภาสกร กล่าวทิ้งท้าย