กองทัพรัสเซียกล่าวหาทหารยูเครน ข้ามพรมแดนไปสู่ดินแดนของรัสเซียในแคว้นเคิร์สก์และโจมตีที่นั่น
เป็นการรายงานข่าวมาจากสำนักข่าวต่างประเทศเมื่อวานนี้ (7 สิงหาคม 2567) ว่ากระทรวงกลาโหมรัสเซียกับอีกหลายหน่วยงาน กล่าวหายูเครนว่า ดำเนินการโจมตีครั้งใหญ่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (6 ส.ค. 2567) โดยพยายามบุกฝ่าแนวป้องกันของรัสเซียบริเวณชายแดนแคว้นเคิร์สก์ (Kursk) ซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือของแคว้นซูมี ของยูเครน ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ประณามการโจมตีดังกล่าวว่าเป็นการยั่วยุขนานใหญ่ และว่าเคียฟยิงโจมตีอย่างไม่เลือกหน้าด้วยอาวุธหลากหลายชนิด รวมถึงขีปนาวุธ เข้าสู่อาคารพลเรือน, อาคารที่อยู่อาศัย และรถพยาบาล ด้านรัฐบาลยูเครนยังไม่ออกมาแสดงความเห็นใดๆ เกี่ยวกับข้อกล่าวหาของรัสเซีย ขณะที่ฝ่ายรัสเซียไม่เปิดเผยแน่ชัดว่าการโจมตีที่พวกเขากล่าวหามีขอบเขตมากเพียงไร ทหารยูเครนยึดอาคารใดๆ หรือสร้างความเสียหายแก่จุดยุทธศาสตร์ใดๆ หรือไม่ และไม่ระบุด้วยว่า ยังมีทหารยูเครนอยู่ในดินแดนของรัสเซียหรือไม่ เจ้าหน้าที่รัสเซียกับบล็อกเกอร์สายทหารของรัสเซียบางคนอ้างว่า กองทัพยูเครนโจมตีทั้งทางบกและทางอากาศเพื่อเข้าสู่รัสเซียในพื้นที่ใกล้เมืองซุดชา (Sudzha) ซึ่งมีประชากร 5,000 คน และห่างจากชายแดนยูเครน 10 กม.
ขณะเดียวกันมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอที่อ้างว่าเป็นภาพความเสียหายบริเวณด่านข้ามพรมแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองซุดชา รวมถึงภาพความเสียหายภายในตัวเมืองด้วย และภาพทหารยูเครนกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้เมืองซุดชาด้วย แต่ไม่แน่ชัดว่าพวกเขาได้เข้าไปในเมือง หรือยึดการควบคุมเมืองแห่งนี้ไว้หรือไม่ กระทรวงกลาโหมของรัสเซีย ระบุว่า ทหารยูเครนจำนวนประมาณ 300 นาย พร้อมการสนับสนุนจากรถถัง 11 คัน และรถหุ้มเกราะ มากกว่า 20 คัน โจมตีฐานที่มั่นของรัสเซียใกล้กับหมู่บ้านนิโคลาเยโว-ดาร์ยิโน (Nikolayevo-Daryino) และโอเลชเนีย (Oleshnya) โดยในตอนแรกพวกทางกระทรวงระบุว่าพวกเขาสามารถตีโต้การโจมตีกลับไปได้ ก่อนจะแก้ไขในเวลาต่อมาว่าศัตรูได้รับความเสียหายจากการโจมตีด้วยอาวุธปืน
ต่อมาในวันพุธที่ (7 ส.ค.) สำนักข่าว RIA Novosti ของรัสเซียก็รายงานว่า พลเอกวาเลรี เกราซิมอฟ ผู้บัญชาการกองทัพรัสเซีย ได้แจ้งต่อ ประธานาธิบดีปูติน ว่า การรุกคืบของกองทัพยูเครนลึกเข้ามาในดินแดนรัสเซียนั้นได้ถูกหยุดเอาไว้แล้ว ขณะที่ นายอเล็กเซย์ สเมียร์นอฟ รักษาการผู้นำแคว้นเคิร์สก์ กล่าวในวันพุธเช่นกันว่า มีประชาชนหลายพันคนต้องอพยพออกจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทั้งนี้นอกจากฝ่ายรัสเซียแล้วยังไม่มีฝ่ายอื่นใดออกมายืนยันว่าการโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นจริง แต่ปัจจุบันยูเครนกำลังอยู่ภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บริเวณชายแดน ซึ่งพวกเขาเผชิญการโจมตีอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นพวกเขาจึงอาจโจมตีเข้าไปภายในดินแดนรัสเซียเพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจแก่ทหารและพลเรือนก็เป็นได้