ดูคล้ายแต่แตกต่าง ! ยาคูลท์ vs. บีทาเก้น 🍶 นมเปรี้ยวคู่หูดูโอ้ ต่างกันยังไง? 🤔 ไขข้อข้องใจ!
ยาคูลท์ และ บีทาเก้น 2 นมเปรี้ยวในตำนาน ที่อยู่คู่คนไทยมานาน ใครๆ ก็ต้องรู้จัก แถมยังเป็นที่โปรดปรานของใครหลายคน ด้วยรสชาติอร่อย ดื่มง่าย แถมยังดีต่อสุขภาพ แต่เคยสงสัยกันไหมว่า แท้จริงแล้ว "ยาคูลท์" และ "บีทาเก้น" ต่างกันยังไง? 🤔
วันนี้ เรามีคำตอบมาเฉลยให้หายข้องใจ!
1. จุลินทรีย์ ตัวชูโรง ที่ต่างกัน! 🦠
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัด คือ "ชนิดของจุลินทรีย์" ที่ใช้ในกระบวนการผลิต ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ ที่ส่งผลต่อรสชาติ และประโยชน์
ยาคูลท์: ใช้จุลินทรีย์เฉพาะ คือ "แลคโตบาซิลลัส คาเซอิ ชิโรต้า" (Lactobacillus casei Shirota) จำนวน 8,000 ล้านตัว ต่อขวด (80 มล.)
* จุลินทรีย์ชนิดนี้ มีจุดเด่น คือ ช่วยปรับสมดุลลำไส้ บรรเทาอาการท้องผูก ท้องเสีย และเสริมภูมิคุ้มกัน
* "ชิโรต้า" ตั้งชื่อตาม ดร.มิโนรุ ชิโรตะ นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่น ผู้ค้นพบจุลินทรีย์ชนิดนี้
บีทาเก้น: ใช้ "จุลินทรีย์โพรไบโอติก" (Probiotic) หลากหลายสายพันธุ์ รวมกันอย่างน้อย 9,000 ล้านตัว ต่อขวด (85 มล.)
* จุดเด่น คือ ทนต่อกรดในกระเพาะอาหาร จึงสามารถไปถึงลำไส้ได้มากขึ้น ช่วยปรับสมดุลลำไส้ ยับยั้งแบคทีเรียก่อโรค
2. รสชาติ และ ส่วนผสม ก็ต่าง! 👅
* **ยาคูลท์**: มีรสชาติเปรี้ยว หวาน กลมกล่อม เป็นเอกลักษณ์
* **บีทาเก้น**: มีรสชาติเปรี้ยวนำ หวานน้อยกว่ายาคูลท์
ส่วนผสมหลักๆ ของทั้งคู่ ก็มีความคล้ายคลึงกัน คือ นมพร่องมันเนย น้ำตาล และจุลินทรีย์ แต่ บีทาเก้น จะมีส่วนผสมของ "น้ำส้มเข้มข้น" เพิ่มเข้ามาด้วย ทำให้มีรสชาติเปรี้ยว และกลิ่นหอม ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
สรุปสั้นๆ ง่ายๆ จำง่ายๆ✅
* **ยาคูลท์**: เน้นจุลินทรีย์เฉพาะ "ชิโรต้า" ช่วยปรับสมดุลลำไส้ รสชาติเปรี้ยวหวาน
* **บีทาเก้น**: เน้นจุลินทรีย์ "โพรไบโอติก" หลากหลายสายพันธุ์ ช่วยปรับสมดุลลำไส้ รสชาติเปรี้ยวนำ
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะเป็น "ยาคูลท์" หรือ "บีทาเก้น" ก็ล้วนเป็นนมเปรี้ยว ที่อุดมไปด้วยจุลินทรีย์ที่ดีต่อร่างกาย เลือกดื่มตามใจชอบ ตามรสชาติที่ใช่ ได้เลย! 😊 ราคาก็ถูกกว่าซื้อเหล้าซื้อเบียร์เยอะนะ