จีนเผชิญอัตราแต่งงานต่ำสุดในรอบ 12 ปี
ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่าจำนวนคู่สมรสชาวจีนที่จดทะเบียนสมรสลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 12 ปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่น่ากังวลเกี่ยวกับการแต่งงานและอัตราการเกิดในประเทศจีน
ตามข้อมูลที่เผยแพร่โดยกระทรวงกิจการพลเรือนของจีน จำนวนคู่สมรสที่จดทะเบียนในปี 2023 ลดลงเหลือเพียง 6.83 ล้านคู่ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2011 การลดลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มระยะยาวที่เห็นได้ชัดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยจำนวนการแต่งงานในจีนลดลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2013
สาเหตุของการลดลงนี้มีหลายประการ ประการแรก ประชากรวัยหนุ่มสาวในจีนกำลังลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายลูกคนเดียวที่บังคับใช้มาเป็นเวลานาน แม้ว่าจะได้ยกเลิกไปแล้วก็ตาม ประการที่สอง ค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ทำให้คนหนุ่มสาวชะลอการแต่งงานหรือตัดสินใจไม่แต่งงานเลย
นอกจากนี้ ทัศนคติทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปก็มีส่วนสำคัญ คนรุ่นใหม่ในจีนให้ความสำคัญกับการศึกษาและความก้าวหน้าในอาชีพมากขึ้น ทำให้การแต่งงานและการมีครอบครัวกลายเป็นเรื่องรองลงมา ผู้หญิงจีนโดยเฉพาะมีแนวโน้มที่จะเลือกการทำงานและความเป็นอิสระมากกว่าการแต่งงานในช่วงอายุน้อย
รัฐบาลจีนตระหนักถึงปัญหานี้และพยายามส่งเสริมการแต่งงานและการมีบุตรผ่านนโยบายต่างๆ เช่น การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและการสนับสนุนทางการเงินสำหรับครอบครัวที่มีบุตร อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของมาตรการเหล่านี้ยังไม่ชัดเจนนัก
แนวโน้มนี้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสังคมและเศรษฐกิจจีน การลดลงของอัตราการเกิดอาจนำไปสู่การขาดแคลนแรงงานในอนาคต และเพิ่มภาระให้กับระบบสวัสดิการสังคมที่ต้องดูแลประชากรสูงอายุที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าแนวโน้มนี้จะยังคงดำเนินต่อไปในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคมที่ซับซ้อน การแก้ไขปัญหานี้จำเป็นต้องใช้มาตรการที่ครอบคลุมและยืดหยุ่น รวมถึงการปรับปรุงระบบสวัสดิการสังคม การส่งเสริมความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและครอบครัว และการจัดการกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น
สถานการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศจีนเท่านั้น แต่ยังพบได้ในหลายประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลก ซึ่งกำลังเผชิญกับความท้าทายที่คล้ายคลึงกันในเรื่องของอัตราการเกิดที่ลดลงและสังคมผู้สูงอายุ การแก้ไขปัญหานี้จึงเป็นความท้าทายระดับโลกที่ต้องการความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติที่ดีระหว่างประเทศต่างๆ
ที่มา: Reuters