องค์การการท่องเที่ยวเกาหลี (KTO) รายงานว่า คนไทยไปเที่ยวเกาหลีใต้น้อยลง 7 เดือนติดต่อกัน ส่วนหนึ่งมาจากกระแสแบนเกาหลี
จากเหตุที่มีกระแสแบนเกาหลีไปก่อนหน้านั้น ทำให้ในวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา องค์การการท่องเที่ยวเกาหลี (KTO) รายงานว่า จำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มาเยือนเกาหลีใต้ลดลงอย่างมากในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาของปี 2024 ท่ามกลางเสียงร้องเรียนและต่อต้านระบบยกเว้นวีซ่าอิเล็กทรอนิกส์ (K-ETA) ซึ่งมักจะปฏิเสธไม่ให้นักท่องเที่ยวจากไทยเข้าประเทศเกาหลีใต้ KTO ระบุว่า เฉพาะเดือน ก.ค. จำนวนคนไทยที่เดินทางไปเกาหลีใต้ลดลง 19.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เหลือเพียง 20,150 คน
นับเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 แล้ว ขณะที่ จำนวนนักท่องเที่ยวจากไทยรวมในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เหลือเพียง 168,328 คน ลดลง 19.1% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2023 การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ประเทศไทย ซึ่งเคยเป็นประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อันดับ 1 ที่มาเยือนเกาหลีใต้ ตกลงไปอยู่ในอันดับที่ 3 ในเดือน เม.ย. และมาอยู่อันดับที่ 5 นับตั้งแต่เดือน พ.ค. เป็นต้นมา การลดลงนี้สวนทางกับการฟื้นตัวโดยรวมของนักท่องเที่ยวขาเข้าเกาหลีหลังจากการระบาดของโควิด-19 โดยในเดือน มิ.ย. มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเยือนเกาหลีใต้แล้วกว่า 1.41 ล้านคน เพิ่มขึ้น 47.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวไปเกาหลีมากที่สุดในบรรดาประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยมีนักท่องเที่ยว 572,000 คนในปี 2019 ขับเคลื่อนโดยความนิยมใน K-pop, K-dramas และคอนเทนต์ทางวัฒนธรรมเกาหลีอื่น จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงนี้เกิดขึ้นเชื่อว่าส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากระบบ K-ETA ซึ่งเปิดตัวในเดือน ก.ย. 2021 อนุญาตให้นักท่องเที่ยวจาก 112 ประเทศลงทะเบียนข้อมูลออนไลน์และให้สิทธิ์ในการเข้าประเทศเกาหลีใต้ได้ อย่างไรก็ตาม มีรายงานนักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวนมากถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศ ซึ่งทำให้เกิดกระแสต่อต้านเกาหลีในประเทศไทย กระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว ของเกาหลีใต้ ได้ยื่นคำร้องต่อกระทรวงยุติธรรม ให้ยกเว้นวีซ่า K-ETA ชั่วคราวสำหรับพลเมืองไทยภายในสิ้นปีนี้
เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยและบรรลุเป้าหมายในการดึงดูดนักท่องเที่ยวขาเข้า 20 ล้านคนภายในสิ้นปี 2024 แต่กระทรวงยุติธรรมปฏิเสธ โดยอ้างว่า ชาวไทยเป็นแรงงานที่ไม่มีสถานะทางกฎหมายมากที่สุดในเกาหลี