กินได้นิดเดียว ? เชฟร้านอาหารดังเผย ผ่าชำแหละ "ปลาหมอคางดำ" ทิ้งเกือบ 3 ใน 4! 😱
เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวที่สร้างความตกใจให้กับชาวประมงและเกษตรกรไม่น้อย เมื่อเชฟจากร้านอาหารชื่อดังได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการชำแหละ "ปลาหมอคางดำ" ที่ถูกจับได้ในบ่อหอยบางขุนเทียน ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีปัญหาที่ต้องแก้ไขด่วน! 🐟
ปลาหมอคางดำถือเป็นปลาที่มีการจับได้มากถึง 90% จากการสำรวจล่าสุด ทำให้เกิดความกังวลใจในกลุ่มชาวประมงและเกษตรกร เนื่องจากมันกลายเป็นปัจจัยที่ทำลายระบบนิเวศน์ในพื้นที่นั้นๆ 😟 ขณะนี้ยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนในการกำจัดหรือควบคุมประชากรของมัน แต่ทางรัฐบาลก็ออกนโยบายรับซื้อปลาหมอคางดำในราคา 20 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อช่วยเหลือชาวประมง
เชฟผ่าชำแหละปลาหมอคางดำ
ล่าสุด เชฟ Kensaku ได้โพสต์ภาพและข้อมูลการชำแหละปลาหมอคางดำที่จับได้ โดยระบุข้อมูลที่น่าสนใจไว้ว่า:
ไส้ยาว ไส้ของปลาหมอคางดำมีความยาวถึง 9 เท่าของความยาวลำตัว!
การจับปลาแบบสุ่มที่บ่อหอยบางขุนเทียนพบว่ามีปลาหมอคางดำถึง 90% ส่วนที่เหลือ 10% เป็นสัตว์ชนิดอื่น เช่น กุเรือ ปลาแมว และปูทะเล
น้ำมีความเค็มอยู่ที่ 7-10 ppt เนื่องจากฝนตกทำให้น้ำจืดไหลลง
แม้ว่าเชฟ Kensaku จะนำปลาหมอคางดำมาประกอบอาหาร แต่คำถามสำคัญคือ รสชาติของปลาชนิดนี้จะเป็นอย่างไร? 🤔 หลายคนอาจจะตั้งคำถามว่าเมื่อปลามีสภาพแบบนี้ จะคุ้มค่าหรือไม่ที่จะนำมาทำเป็นเมนูอาหาร?
นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงว่าในขณะนี้มีหลายร้านอาหารที่นำปลาชนิดนี้มาจัดเสิร์ฟเป็นเมนูพิเศษ ซึ่งสร้างความสนใจให้กับลูกค้า แต่ความจริงแล้วมันมีความเสี่ยงในการบริโภคหรือไม่? 🤷♂️
เรื่องราวของปลาหมอคางดำนี้ชวนให้คิดถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน หากประชาชนยังคงจับปลาในปริมาณมากแบบนี้ ความเสียหายต่อระบบนิเวศน์อาจจะส่งผลกระทบในระยะยาวได้ 🐠🌍
ดังนั้น การรักษาสมดุลในธรรมชาติและการใช้ทรัพยากรอย่างมีสติจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรใส่ใจ! 🌱✨
ภาพ : facebook