ญาติร้องสอบพระคลิปฉาว ทำร้ายสามเณรจนสลบคาผ้าเหลือง พบประวัติซ้อมเณรหลายรูป เรียกร้องตรวจสอบสารเสพติด

วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 ญาติของสามเณรเอ (นามสมมติ) ได้ร้องเรียนต่อสื่อมวลชนจังหวัดตรัง ว่าสามเณรถูกพระลูกวัดแห่งหนึ่งในตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ทำร้ายร่างกายหลายครั้ง ระหว่างที่สามเณรเอไปช่วยงานที่วัดดังกล่าวตามคำร้องขอของเจ้าอาวาสวัด

คลิปวิดีโอที่ญาติสามเณรนำมาเผยแพร่มีความยาวประมาณ 1 นาที เผยให้เห็นเหตุการณ์ขณะที่พระรูปหนึ่งใช้กำลังทำร้ายสามเณรอย่างรุนแรง ทั้งตบตี บีบคอ และจับหัวโขกพื้น จนสามเณรถึงกับสลบไป เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากสามเณรกลับจากบิณฑบาต

สามเณรเอเล่าว่าถูกพระ ย. (นามสมมติ) ทำร้ายร่างกายหลายครั้ง และครั้งล่าสุดเกิดขึ้นหลังจากกลับจากบิณฑบาต โดยไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่คาดว่าพระ ย. อาจจะบันดาลโทสะจากเรื่องที่ไม่ได้ออกบิณฑบาต

สามเณรรูปอื่นๆ ที่อยู่ในวัดก็ยืนยันว่าพวกเขาถูกพระ ย. ทำร้ายร่างกายเป็นประจำเช่นกัน บางครั้งถึงขั้นนั่งอยู่เฉยๆ ก็ถูกตบหน้า หลังเกิดเหตุการณ์วันที่ 13 กรกฎาคม สามเณรทั้งหมดจึงตัดสินใจไม่กลับไปที่วัดดังกล่าวอีก

พระอธิการยุทธศักดิ์ เจ้าอาวาสวัดที่สามเณรผู้เสียหายอาศัยอยู่ กล่าวว่ารู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่เคยทราบเรื่องมาก่อน จนกระทั่งโยมแม่ของสามเณรมาเล่าให้ฟัง ท่านได้รายงานเรื่องนี้ให้พระสังฆาธิการ เจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะตำบลทราบแล้ว และจะไม่ส่งสามเณรไปช่วยงานที่วัดนั้นอีก

ญาติของสามเณรที่ถูกทำร้ายเปิดเผยว่า หลังเรื่องแดงขึ้น พระ ย. พร้อมตัวแทนพระผู้ใหญ่ได้มาพูดคุยไกล่เกลี่ย และเสนอเงินเยียวยาจำนวน 10,000 บาท แต่ขอจ่ายหลังออกพรรษา ซึ่งญาติและชาวบ้านไม่ยอมรับ และให้เวลาเพียง 15 วันในการจ่ายเงินเยียวยา

ญาติสามเณรเรียกร้องให้มีการสอบสวนพระ ย. อย่างจริงจัง และลงโทษตามความผิดที่ก่อ นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้มีการตรวจสอบร่างกายและพฤติกรรมของพระ ย. ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่ เนื่องจากพฤติกรรมที่แสดงออกมีความรุนแรงผิดปกติ

เหตุการณ์นี้สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องและประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงพุทธศาสนา ซึ่งถือว่าพระภิกษุเป็นผู้ทรงุกระทำการอันไม่เหมาะสมเช่นนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของศาสนาโดยรวม

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหาย และเรียกคืนความศรัทธาของประชาชนต่อศาสนากลับคืนมา