สตรีพื้นเมืองในเม็กซิโกกำลังเรียนรู้วิธีปลูกอาหาร และอนุรักษ์น้ำหลังจากประสบปัญหาภัยแล้งอย่างหนักในเมืองโออาซากา
เมืองโออาซากาประสบกับภัยแล้งที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ในปี 2558 โดยพื้นที่เกือบ 80% ของรัฐประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ ฝนที่ตกน้อยส่งผลกระทบอย่างมากต่อการผลิตทางการเกษตรทำให้ชุมชนต่างๆ อย่างเช่นปัญหาในการปลูกพืชผล การเข้าถึงอาหารสด และการเลี้ยงสัตว์ ปัญหานี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่เพียงแค่ในภูมิภาคเท่านั้น แต่รวมถึงทั้งประเทศด้วย ปัจจุบัน เม็กซิโกกำลังเผชิญกับภัยแล้งครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบกว่าทศวรรษและประชาชนในพื้นที่กำลังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอย่าง "วิกฤต"
เมื่อพูดถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โออาซากาถือเป็นรัฐที่เปราะบางที่สุดในเม็กซิโกโดยภาคการเกษตรต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากภัยแล้งอย่างรุนแรง ตามข้อมูลของรัฐบาล ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยต่อปีในโออาซากาอยู่ที่1,550 มม. (61 นิ้ว) คาร์ริลโล ผู้อำนวยการศูนย์ Grupedsac ในโออาซากากล่าวว่าภูมิภาคโดยรอบซานตามาเรียเวลาโตได้รับปริมาณน้ำฝนเพียง 350 มม. (13.8 นิ้ว) ต่อปี ในปี 2023 ซึ่งเป็นหนึ่งในปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ของโออาซากาภัยแล้งได้ทำลายพืชผลในภูมิภาคนี้ไป 90% ใน ปีนั้นมีปริมาณฝนเพียง 100 มม. (3.9 นิ้ว) ซึ่ง น้อยกว่าปริมาณฝนที่หุบเขามรณะในสหรัฐอเมริกาได้รับในหนึ่งปีถึง 50 มม. (1.9 นิ้ว)
ในปี 2019 ออร์ติซและคุณแม่คนอื่นๆ จากคณะกรรมการผู้ปกครองได้เริ่มปลูกผักในโรงเรียนของลูกๆ เธอ ซึ่งก็คือโรงเรียนประถมศึกษา Porfirio Diaz เพื่อให้แน่ใจว่าลูกๆ ของเธอได้กินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ โดยพวกเธอจะปลูกพืชพื้นเมืองที่ต้องการน้ำเพียงเล็กน้อยอย่างเช่น ผักชี และถั่วเขียว รวมถึงหัวหอม กระเทียม และหัวไชเท้า นอกจากจะปลูกพืชผักไว้บริโภคแล้ว พวกเธอยังนำมันไปขายที่ตลาดเพื่อนนำเงินมาปรับปรุงโรงเรียน แต่แล้วภัยแล้งก็เล่นงานพืชผักที่พวกเธอปลูกไว้จนเสียหาย
ในปีเดียวกันนี้ กลุ่มไม่แสวงหากำไรเพื่อส่งเสริมการศึกษาและการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Grupedsac) ได้เข้ามาร่วมทำงานกับผู้หญิงในชุมชนของออติซ ได้เข้ามาสอนเกี่ยวกับการจัดการน้ำและที่ดินโดยใช้วิธีการชลประทานแบบโบราณ และการปลูกพืชสมุนไพรเฉพาะถิ่นที่ทนต่อภาวะแล้ง เริ่มต้นด้วยการสร้างถังซีเมนต์เฟอร์โรขนาด 20,000 ลิตร (5,283 แกลลอน) ซึ่งเป็นถังน้ำราคาไม่แพงที่ทำจากซีเมนต์และแทบไม่ต้องบำรุงรักษาใดๆ ที่โรงเรียน โดยถังนี้จะคอยกักเก็บน้ำฝนไว้ใช้อุปโภคบริโภคได้
ออร์ติซพึ่งพาถังเก็บน้ำเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี เธอมีน้ำใช้ในการฟาร์มของเธอ รวมถึงการใช้น้ำในครัวเรือน โดยถังเก็บน้ำจะมีระบบกรองน้ำแบบหิน กรวด ทราย ช่วยในการกรองน้ำทิ้งจากการล้างจานและการอาบน้ำอีกด้วย
ปัจจุบัน ออร์ติซปลูกผักเอง รวมทั้งกล้วย ข้าวโพด และอัลฟัลฟา เพื่อใช้เลี้ยงปศุสัตว์ของเธอ โดยใช้น้ำทิ้งที่ผ่านระบบกรองแล้วเป็นหลัก และครอบครัวที่เป็นเจ้าของที่ดินขนาดมากกว่า 2.5 เอเคอร์ (1 เฮกตาร์) ยังสามารถติดตั้งท่อระบายน้ำที่ช่วยเติมน้ำลงในบ่อน้ำลึกที่แห้งเหือดทุกปีเนื่องจากขาดฝนได้