พอลลีนงามพริ้งสุดเศร้า!สามีเสียชีวิตหลังแต่งงานเพียง44วัน

  พอลลีน งามพริ้ง ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และอดีตประธานชมรมเชียร์ไทยพาวเวอร์ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงเรื่องราวสะเทือนใจที่สูญเสียสามีหลังจากแต่งงานเพียงแค่ 44 วันเท่านั้น โดยได้โพสต์ข้อความดังนี้

.

ที่รัก 

 

2 ปี ที่ได้รู้จักกัน เธอบอกฉันว่า รักตั้งแต่แรกพบ เธอทิ้งทุกอย่างมาหาฉัน เธอบอกว่า "จะรักฉันจนวันตาย"

 

44 วันที่ได้จัดงานแต่งงาน ฉันรู้ว่าเธอทำทุกอย่างเพื่อฉัน อยากให้ฉันมีวันที่สวยงาม

 

16 วัน ในโรงพยาบาล ฉันร้องไห้จนไม่มีน้ำตา... สงสารและไม่อยากให้เธอเจ็บปวด ฉันเสียใจที่เคยไม่ดีกับเธอ ตอนนี้ ฉันรู้แล้วว่าเธอเป็นคนดีของฉันจริงๆ

 

พักผ่อนให้สบายนะที่รัก

 

.....

 

Hi everyone, 

 

My name is Pauline Findlay, wife to Neile John Findlay.

 

It is with a heavy heart and deep regret for me to advise that my great husband Neile passed away at 5.53pm on July 14, 2024 (Thailand time). This is after a long battle with illness. 

 

Neile moved to Kamala Beach in April 2023 to live a beautiful and peaceful life with me. 

 

However he had many visits to emergency and out-patient departments in hospitals.

 

He is peaceful now. His body will be cremated in a beautiful temple near Patong area, while his soul will be with God.

 

Some of his ash will be kept with me and his children, the rest will be spread over beautiful offshore reefs about 1.5 km of Patong Beach.

"Rest in Peace Babe"

 

Thank you all,

Pauline Findlay

.

  นอกจากนี้เธอยังได้โพสต์ข้อความอีกข้อความหนึ่งเกี่ยวกับการสูญเสียดังนี้

 

กราบขอบพระคุณทุกท่าน 🙏 เพื่อนๆและมิตรสหายทุกคนที่แสดงความเสียใจทั้งใน facebook และข้อความส่วนตัวต่างๆ

 

แม้จะมีข้อความเหยียดหยามและมีดูหมิ่นผู้เสียชีวิต เนื่องจากมีการนำไปลงในสื่อสาธารณะต่างๆด้วย พอลลีน เพราะคิดเสียว่าใครทำอะไรก็ได้แบบนั้น

 

พอลลีน รู้จักคุณนีล เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2022 จากการพูดคุยทางออนไลน์ ก่อนที่คุณนีลจะเดินทางมาเมืองไทยในเดือนกันยายน 2022 และเราจึงได้เจอกันจริงๆ หลังจากนั้นคุณนีลมาเมืองไทยอีกครั้งเมื่อเดือน มกราคม 2023 พร้อมแหวนหมั้นและขอพอลลีนแต่งงาน และบอกว่าจะมาอยู่เมืองไทยกับพอลลีน

 

คุณนีลกลับไปออสเตรเลียเพื่อเตรียมย้ายรกรากมาอยู่กับพอลลีนเป็นการถาวร 

 

คุณนีลอายุ 62 มากกว่าพอลลีนเพียง 5 ปี แต่มีสุขภาพไม่ดีมาตั้งแต่ที่เรารู้จักกันเนื่องจากผ่าตัดเข่าหลายรอบ สาเหตุมาจากอุบัติเหตุเมื่อครั้งเป็นทหารอากาศ อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้คุณนีลดื่มเหล้าหนัก พอลลีนเข้าใจว่าเพื่อลดทอนความเจ็บปวด แต่สุดท้ายก็กลายเป็นนิสัย

 

ก่อนเดินทางมาอยู่เมืองไทยเมื่อเดือนเมษายนปี 2023 คุณนีลเข้าผ่าตัดกระเพาะอาหารเนื่องจากมีน้ำหนักเกิน 120 กิโลกรัม 

 

หลังจากที่อยู่ด้วยกันมา คุณนีลมีอาการหน้ามืดเป็นลมบ่อยครั้ง บางครั้งหัวฟาดพื้น พอลลีน ต้องพาส่งโรงพยาบาล เขาออกห้องฉุกเฉินหลายครั้ง จนสุดท้ายต้องใช้รถเข็นเป็นการถาวร เพราะบางครั้งเดินไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว... 

 

คุณหมอบอกสาเหตุมาจากร่างกายขาดสารอาหารในน้ำ เพราะแอลกอฮอล์ไม่สามารถแทนที่น้ำได้มีแต่จะดึงน้ำออกจากตับ การผ่าตัดกระเพาะทำให้คุณนีล ทานอาหารได้น้อยลงแต่ยังคงดื่มแอลกอฮอล์เหมือนเดิม ไม่ดื่มน้ำเปล่า...

พอลลีนพยายามเข็นรถเข็นไปนั่งริมทะเล หรือขับรถเล่นเพื่อไม่ให้เบื่อ

 

อาการของคุณนีล แย่ลงเรื่อยๆ ก่อนวันแต่งงาน 1 วัน คุณนีลเหมือนเกือบจะหมดสติ คอพับคออ่อนอยู่บนรถเข็น แต่แล้วเช้าวันแต่งงานแกก็ดีขึ้นอย่างมหัศจรรย์ เป็นการแต่งงานที่เจ้าบ่าวอยู่บนรถเข็น แต่ก็สร้างความน่ารักและประทับใจกับคนที่มาร่วมงาน 

 

เราไปเที่ยวฮันนีมูนกันที่เกาะกูด แต่แล้วหลายสิ่งหลายอย่างก็ถาโถมเข้ามา คุณนีลล้มอีกหลายครั้ง เพียงเพราะพยายามเดินไปเข้าห้องน้ำ

 

สุดท้ายต้องส่งลงที่โรงพยาบาลที่จังหวัดตราด ให้น้ำเกลือและวิตามินจนแข็งแรงพอที่พอลลีนจะขับรถกลับมาภูเก็ตได้ (ขอบคุณคุณจอยแห่งรพ. จังหวัดตราดที่คอยช่วยเหลือและแนะนำ)

 

หลังจากนั้นก็มีแต่ทรุดลง จนต้องอยู่โรงพยาบาลป่าตองเป็นเวลา 16 วัน และเสียชีวิตในที่สุด สาเหตุคือการหยุดทำงานของตับ เมื่อตับไม่ทำงานจึงมีการติดเชื้อในกระแสเลือด (ขอบคุณคุณไอซ์ วนิดาและทีมพยาบาลที่ดูแลคุณนีลเป็นอย่างดี)

 

หลายคนอาจจะตกใจว่าทำไมอยู่ๆ คุณนีลก็มาเสียชีวิต หลังแต่งงานไม่นาน แต่ในความเป็นจริงอาการของคุณนีลไม่สู้ดีมาเป็นปีแล้ว

 

ที่ผ่านมา พอลลีนเป็นคนที่ไม่อยากสื่อสารอะไรให้คนสงสารหรือเป็นห่วง จึงหลีกเลี่ยงที่จะพูดคุยในชีวิตด้านที่ไม่สนุกสักเท่าไหร่นัก

 

มีน้องสาวคนหนึ่งแนะนำว่าพอลลีนควรจะเขียนอธิบายให้คนเข้าใจมากกว่านี้ ก็เลยทำตามนั้นค่ะ

 

  สุดท้ายนี้ผู้เขียนขอแสดงความเสียใจกับคุณพอลลีนและครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วยนะคะ