มิติใหม่แห่งการจ้างงาน ร้านอยู่นิวยอร์ก แต่แคชเชียร์อยู่ที่ฟิลิปปินส์ 🍽️
ร้านอาหารบางแห่งในนิวยอร์กกำลังทดลองใช้พนักงานเสมือนจริง ทำการทักทายลูกค้าผ่านจอด้วยโปรแกรม zoom ที่ส่งตรงจากฟิลิปปินส์
จะเป็นอย่างไรเมื่อคุณเดินเข้าไปในร้านขายไก่ทอดแล้ว พบกับพนักงานที่ต้อนรับคุณผ่านจอมอนิเตอร์แทน ซึ่งตอนนี้มันก็เริ่มเกิดขึ้นจริงแล้ว ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมาตั้งแต่ช่วงหลังเกิดโควิด ที่ค่าเช่าอาคารพาณิชย์รวมถึงสภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น การทำงานรูปแบบนี้ก็ดูแล้วเสี่ยงกับการถูกเอารัดเอาเปรียบอยู่เหมือนกัน เนื่องจากพนักงานนั้นต้องทำงานจากที่ไกล และได้รับค่าจ้างเพียงชั่วโมงละ 3 ดอลลาร์ ในขณะที่ค่าจ้างขั้นต่ำในเมืองนิวยอร์กจริงๆ อยู่ที่ 16 ดอลลาร์
แต่สำหรับผู้ที่ต้องการหางานแล้ว แม้ว่าจะมีความแตกต่างของไทม์โซน ซึ่งต่างกันประมาณ 12 ชั่วโมง แต่เนื่องจากทำงานผ่านโปรแกรมและอยู่แค่หน้าคอมพิวเตอร์ ก็ช่วยให้ทำงานสะดวกกว่าเดินทางออกไปทำงานจริงๆ ไม่ต้องอยู่ห่างครอบครัว อยู่ห่างบ้านเกิด พวกเขาพร้อมที่จะต้อนรับลูกค้าทุกเมื่อ ลักษณะของการทำงานก็เชื้อเชิญลูกค้าเข้าร้าน ทักทายอย่างอบอุ่น อธิบายเมนูต่างๆ ให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ
โดยพนักงานของ application นี้เป็นพนักงานของ Happy Cashier ไม่ใช่พนักงานของร้านอาหาร ซึ่งพนักงานจะได้รับค่าจ้างชั่วโมงละ 3 ดอลลาร์ ซึ่งมีมูลค่าเป็นอย่างมาก กับงานที่มีลักษณะคล้ายกันในฟิลิปปินส์เกือบ 2 เท่า แล้วจะมีการให้ทิปที่กำหนดจากร้านอาหารนั้นๆ ที่จะมอบให้กับพนักงานเสมือนจริง 30% จากยอดขายรวมในแต่ละวัน ยังถือว่าแอปนี้ถูกกฎหมาย ไม่ต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ แต่ได้ค่าแรงสูงกว่า แค่สื่อสารได้ อเมริกา จ้างแคชเชียร์ชั่วโมงละ 14 เหรียญ ฟิลิปปินส์ จ้างงานแค่ชั่วโมงละ 3-4 เหรียญ สำหรับด้านเจ้าของธุรกิจแล้ว ก็ลดต้นทุนค่าแรง ไม่ต้องเสี่ยงกับการก่ออาชญากรรมในร้านด้วย เช่น โดนขโมยของ หรือขโมยเงิน เพราะพนักงานมีหน้าที่แค่พูดคุยกับลูกค้าเท่านั้น
การจ้างผ่านแพลตฟอร์ม Happy Cashier ซึ่งทดลองใช้มาสักระยะหนึ่งแล้ว ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ส่อแววให้เห็นว่าจะทำให้ท้องถิ่นตกงานได้อีกเยอะเหมือนกัน ในประเทศที่ค่าแรงสูง หรือประเทศที่แรงงานหายาก