สื่อนอกเผย รถยนต์ไฟฟ้าของจีนมี 137 แบรนด์ มีเพียง 19 แบรนด์เท่านั้นที่ทำกำไร
อย่างที่รู้ๆกันว่าปัจจุบันนี้รถไฟฟ้าจากจีนนั้น ตีตลาดไปทั่วทุกมุมโลก จนบางภูมิภาคถึงกับตั้งกำแพงภาษีไว้สูงลิ่ว ล่าสุดเมื่อวานนี้ (12 กรกฏาคม 2567) บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า ปัจจุบันประเทศจีนมีรถยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี (EV) ทั้งหมด 137 แบรนด์ แต่ข้อมูลจากรายงานของบริษัทที่ปรึกษาธุรกิจ แอลิกซ์พาร์ตเนอร์ส (AlixPartners) ระบุว่าจะมีเพียง 19 แบรนด์เท่านั้นที่สามารถทำกำไรได้ภายในสิ้นทศวรรษนี้ (ปี 2030) ส่วนแบรนด์ที่เหลือต้องพ่ายแพ้และออกจากอุตสาหกรรมไป หรือต่อสู้เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ สงครามราคาในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ดำเนินมาเกือบ 2 ปีได้กดดันอัตรากำไรของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนบางราย และสภาพนี้อาจดำเนินต่อไป เนื่องจากผู้เล่นที่มีอำนาจเหนือกว่าอย่าง บีวายดี (BYD) และเทสลา (Tesla) กำลังพยายามที่จะทำให้ตำแหน่งที่โดดเด่นของพวกเขามั่นคงขึ้น สตีเฟน ดายเออร์ (Stephen Dyer) กรรมการผู้จัดการสำนักงานเซี่ยงไฮ้ของแอลิกซ์พาร์ตเนอร์ส กล่าวบรรยายสรุปเกี่ยวกับรายงานนี้ว่า ตราบใดที่ผู้เล่นรายใหญ่อย่างบีวายดียังคงมีกำไรขั้นต้น ก็ยังมีที่ว่างสำหรับการทำสงครามราคาต่อไป ในปี 2023 แม้ว่าราคาขายเฉลี่ยของรถยนต์ในจีนลดลง 13.4% แต่อัตรากำไรเฉลี่ยของผู้ผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นเป็น 7.8% จาก 6.3% ในปีก่อนหน้า เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์ลดต้นทุนลงโดยการบีบซัพพลายเออร์และดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อส่งรถยนต์โมเดลใหม่ๆออกสู่ตลาด แอลิกซ์พาร์ตเนอร์ส กล่าวว่าภายในสิ้นปี 2030 รถยนต์แบรนด์จีนจะครองส่วนแบ่ง 33% ของตลาดรถยนต์ทั่วโลก และครองส่วนแบ่ง 45% ของยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่เลยทีเดียว