หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
News บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ปริศนาธรรม “กาลามสูตร” และ “โยนิโสมนสิการ” จุดร่วมของพุทธศาสนา กับ วิทยาศาสตร์

เนื้อหาโดย songintheclouds

พระพุทธศาสนาเป็นเรื่องของเหตุและผล ทุกสิ่งไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ หรือเป็นเรื่องบังเอิญ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุที่ทำให้เกิดขึ้น สิ่งที่ยอมรับกันทั่ว ๆ ไปในคำสอนศาสนาพุทธก็คือ ผลต้องเกิดจากเหตุ เริ่มตั้งแต่ปฐมเทศนาคือธัมมจักกัปปวัตนสูตรเป็นต้นไป พระพุทธเจ้าได้ทรงอธิบายความจริงของสิ่งทั้งปวงโดยความเป็นเหตุและผล เช่น ความทุกข์และโทมนัสที่มีอยู่ในคนใดคนหนึ่ง ล้วนแต่มาจากเหตุ วิธีการหนึ่งที่จะอธิบายมรรคมีองค์แปดก็คือ การหันเข้าหาความจริงที่มีอยู่ในปัจจุบัน และทำความเข้าใจความจริงนั้นโดยประจักษ์

หลักการใช้สติปัญญาในการไตร่ตรองที่สำคัญได้แก่ “กาลามสูตร” ซึ่งหมายถึง พระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะ โดยความหมายคือหลักแห่งความเชื่อ ไม่ให้เชื่ออย่างงมงาย โดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดี ก่อนที่จะเชื่อที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไม่ให้เชื่ออะไรโดยง่าย และ “โยนิโสมนสิการ” ” ซึ่งหมายถึง การคิดพิจารณาอย่างละเอียด ถี่ถ้วนและลึกซึ้ง หรือการคิดที่ถูกวิธี มีระเบียบและสร้างสรรค์ หลักในการพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบและแยบคาย ซึ่งทั้งวิทยาศาสตร์และพระพุทธศาสนามีหลักความเชื่อเช่นเดียวกัน ในเรื่องของการพิสูจน์ทุกครั้งก่อนจะเชื่อในเรื่องใด ดังหลักคำสอนที่ปรากฏในกาลามสูตร พระพุทธเจ้าทรงให้หลักการในการพิจารณาว่าไม่ควรรีบด่วนเชื่อสิ่งที่ได้รับรู้มา 10 ประการ ดังนี้

  1. อย่าเพิ่งปลงใจเชื่อเพราะการฟังตามกันมา
  2. อย่าเพิ่งปลงใจเชื่อเพราะการนับถือสืบกันมา พินิจพิเคราะห์เสียก่อน เพราะคำสอนคนรุ่นเก่าบางอย่างก็เป็นโบราณอุบาย ที่เป็นการสอนทางอ้อม จึงต้องสืบหาเหตุผลให้กระจ่างด้วย
  3. อย่าเพิ่งปลงใจเชื่อเพราะการเล่าลือต่อกันมา ระมัดระวังและพิจารณาให้ดีเพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่ สามารถตกแต่งภาพหรือบิดเบือนข้อมูลได้สมจริงยิ่งขึ้น ทำให้ข่าวลือ ข่าวลวงแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
  4. อย่าเพิ่งปลงใจเชื่อเพราะการอ้างคัมภีร์ เพราะตำรา คัมภีร อาจจะไม่ได้ถูกต้องเสมอไป ขึ้นอยู่กับมุมมองของผู้แต่งด้วยว่าจะโน้มน้าวผู้อ่านไปในทิศทางเดียวกับตน
  5. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะตรรกะ เพราะเหตุผลบางอย่างก็ใช่ว่าจะถูกหรือเป็นไปตามข้อสันนิษฐานเสมอไป
  6. อย่าเพิ่งปลงใจเชื่อเพราะการคาดคะเน เห็นข่าววัยรุ่นขับรถชนคนแก่ตาย แต่ยังไม่รู้สาเหตุ เราก็เดาไปล่วงหน้า
  7. อย่าเพิ่งปลงใจเชื่อเพราะการตรึกตรองตามเหตุและผล ซึ่งอาจจะเกิดความเข้าใจผิดขึ้นได้ เช่น เห็นเพื่อนกลุ่มที่ไม่ถูกกับเราคุยกันอยู่ แล้วหัวเราะคิกคักตอนเราเดินผ่าน ก็คิดว่าเขากำลังนินทาเรา แต่จริงๆ แล้วเขากำลังเล่าเรื่องขำขันและหัวเราะตอนเราผ่านไปพอดี
  8. อย่าเพิ่งปลงใจเชื่อเพราะตรงกับความเห็นของตน เพราะสิ่งนั้นเราเชื่อเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอสอดคล้องกับความคิดเรา จึงยิ่งเชื่อเข้าไปใหญ่
  9. อย่าเพิ่งปลงใจเชื่อเพราะรูปลักษณะน่าเชื่อ อย่างนี้ เราก็มักจะเชื่อตาม เพราะคิดว่าคนดังขนาดนี้ไม่น่าโกหก แต่จริงๆ แล้ว เราควรพิสูจน์ด้วยการดูคุณภาพของสินค้า มิใช่เชื่อเพราะเป็นคนดังพูด
  10. อย่าเพิ่งปลงใจเชื่อเพราะท่านเป็นครูของเรา โดยความเป็นจริง ก็คือให้เชื่ออย่างมีวิจารณญาณ มีเหตุมีผล

นอกจากนี้แล้ว กระบวนการคิดตามนัยพระพุทธศาสนา ก็มีความคล้ายคลึงกับกระบวนการคิดแบบวิทยาศาสตร์ ด้วยเช่นกัน กล่าวคือ การคิดเชิงวิทยาศาสตร์ (Scientific Thinking) เป็นความคิดที่ใช้ในการพิสูจน์และสำรวจ ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีการใช้ความรู้วิทยาศาสตร์และกระบวนการวิทยาศาสตร์มาช่วยในการ วางแผน ตรวจสอบวิธีการทางวิทยาศาสตร์ 5 ขั้นตอน ประกอบด้วย ขั้นที่ 1 ตั้งปัญหา ขั้นที่ 2 เก็บรวบรวมข้อมูล หรือข้อเท็จจริง ขั้นที่ 3 สร้างสมมติฐาน ขั้นที่ 4 ทดลองพิสูจน์ และขั้นที่ 5 สรุปผล จนกระทั่งสามารถอธิบายด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์  โดยในทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า คิดแบบเหตุผล หรือคิดแบบอริยสัจ ซึ่งเป็นเพียงวิธีหนึ่งใน 10 วิธีคิดตามแนวทางโยนิโสมนสิการ มีดังนี้

  1. วิธีคิดแบบสาวหาเหตุปัจจัย 2. วิธีคิดแบบแยกแยะองค์ประกอบ
  2. วิธีคิดแบบรู้เท่าทันธรรมดา 4. วิธีคิดแบบอริยสัจ
  3. วิธีคิดเชื่อมโยงหลักการและความมุ่งหมายให้สัมพันธ์กัน
  4. วิธีคิดแบบคุณ โทษ และทางออก 7. วิธีคิดแบบคุณค่าแท้ คุณค่าเทียม
  5. วิธีคิดแบบปลุกเร้าคุณธรรม 9. วิธีคิดแบบเป็นอยู่ในปัจจุบัน
  6. วิธีคิดแบบจำแนกประเด็นและแง่มุมต่างๆ หรือการมองหลายๆ มุม

ดังนั้น กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ช่วยให้แก้ปัญหาได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับหลักธรรม “กาลามสูตร” และ โยนิโสมนสิการ ของศาสนาพุทธที่สอนให้มนุษย์มีความเชื่อมั่นในสติปัญญาและความสามารถของตนเอง เชื่อมั่นในความมีเหตุผล และนำไปสู่การค้นหาความจริงของสรรพสิ่งต่างๆ ในโลกโดยไตร่ตรองดีแล้ว

เนื้อหาโดย: songintheclouds
รูปภาพ : เครดิตบนภาพ
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
songintheclouds's profile


โพสท์โดย: songintheclouds
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: thecrow
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
หญิงช่างซ่อมหวิดร่วงจากชั้น 12 เหตุหญิงชราตัดเชือกนิรภัย
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
2 นักร้อง ตบเท้าทวงความคืบหน้า ปม ‘หมอเกศ’ ขู่ฟ้อง ปปช. ถ้ายังนิ่ง'หมูเด้ง'ทะยาน!ชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐ!!"ลีน่า จัง" ร่ำไห้ ซัด! "หนุ่ม กรรชัย" ทำลายชีวิต..พิธีกรดังโต้กลับ ไม่ให้ค่า!!ชินนารา มาดินกูโลวา: ผู้พิชิตข้อจำกัดทางกายภาพ โดยการยิงธนูด้วยเท้า
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าววันนี้
ไม่ได้โม้! ซุปเปอร์บอน น็อค โจ ณัฐวุฒิ ชนะยก 1จีนเจน Z ปรับตัวเข้ากับ "เศรษฐกิจของเลียนแบบ" ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจชายส่งอาหารชาวจีนวัย 55 ปี เสียชีวิตหลังทำงาน 18 ชั่วโมงต่อวัน ทิ้งครอบครัวไว้ในความยากลำบากP.Diddyไม่กล้ากินอาหาร!กลัวถูกวางยาในคุก!
ตั้งกระทู้ใหม่