ไมโครซอฟท์พัฒนาวัสดุแบตเตอรี่ใหม่ ลดการใช้ลิเธียม 70% ด้วย AI และคอมพิวเตอร์ควอนตัม
ไมโครซอฟท์ได้ร่วมมือกับห้องปฏิบัติการแห่งชาติตะวันตกเฉียงเหนือแปซิฟิก (PNNL) ของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ในช่วงต้นปีนี้ โดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) คัดกรองวัสดุ พบว่า “อิเล็กโทรไลต์แบบของแข็ง” สามารถเป็นวัสดุแบตเตอรี่ชนิดใหม่ได้ ซึ่งในอนาคตสามารถลดการใช้ลิเธียมในแบตเตอรี่ลงได้ถึง 70% นำมาซึ่งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ
รายงานจาก "บีบีซี" (BBC) ระบุว่า ไมโครซอฟท์ใช้เทคโนโลยี AI ร่วมกับคอมพิวเตอร์ควอนตัมขั้นสูง (Azure Quantum Elements) เพื่อประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูง โดยใช้เวลาเพียงประมาณ 80 ชั่วโมง คัดกรองจากวัสดุประมาณ 32.6 ล้านชนิด พบวัสดุ 18 ชนิดที่มีศักยภาพในการผลิตแบตเตอรี่ และหนึ่งในนั้นคืออิเล็กโทรไลต์แบบของแข็งที่ชื่อ N2116 ซึ่งผ่านการทดลองและทดสอบใน PNNL ยืนยันว่ามีความหนาแน่นของพลังงานที่สูงขึ้น ความเร็วในการชาร์จที่ดีขึ้น และสามารถทนต่อการชาร์จและปล่อยประจุหลายพันครั้งได้ ทำให้ปลอดภัยกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมในปัจจุบัน
ไมโครซอฟท์ระบุว่า แผนความร่วมมือนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการทดลอง แต่แบตเตอรี่ต้นแบบที่ใช้ N2116 สามารถจุดไฟหลอดไฟได้แล้ว และกระบวนการจากการเสนอแนวคิดจนถึงการพัฒนาแบตเตอรี่ต้นแบบเสร็จสิ้นภายในเวลาไม่ถึง 9 เดือน ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของเทคโนโลยี AI ที่แข็งแกร่ง แต่ไมโครซอฟท์ยังได้เริ่มสำรวจทิศทางการพัฒนาในอนาคต โดยหวังว่าจะย่อระยะเวลาการสำรวจทางวิทยาศาสตร์จากที่คาดว่าใช้เวลา 250 ปี ลงเหลือเพียง 25 ปี
รายงานกล่าวว่า ลิเธียมเป็นส่วนประกอบสำคัญของแบตเตอรี่ชาร์จไฟในปัจจุบัน มีชื่อเรียกว่า “ทองคำขาว” แต่ด้วยความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น ทั่วโลกอาจเริ่มประสบปัญหาการขาดแคลนตั้งแต่ปี 2025 และคาดว่าในปี 2030 ความต้องการแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าจากปัจจุบัน นอกจากนี้ การขุดลิเธียมยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง ดังนั้นการลดการใช้ลิเธียมและใช้วัสดุเก็บพลังงานที่ดีกว่าจะเป็น "จอกศักดิ์สิทธิ์" ของอุตสาหกรรมแบตเตอรี่