ชาวเชอร์ปารับหน้าที่เก็บขยะบนเอเวอเรสต์ คงให้เวลาหลายปี เพราะมีขยะมากถึง 50 ตัน
มนุษย์ไปถึงที่ใดที่นั่นมักมีขยะ ไม่เว้นแม้แต่บนเขาเอเวอเรสต์ ล่าสุด นายอัง บาบู ชาวเชอร์ปา ได้นำทีมเจ้าหน้าที่ทำการเก็บขยะ และศพนักปีนเขาที่ถูกแช่แข็งมานานหลายปีใกล้กับยอดเขาเอเวอเรสต์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทีมทหารและเชอร์ปาที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลเนปาล เพื่อทำการกำจัดขยะ 11 ตัน ศพ 4 ศพ และโครงกระดูก 1 โครง ออกจากเส้นทางปีนเขาเอเวอเรสต์ ในช่วงฤดูปีนเขาปี 2567 อัง บาบู กล่าวว่า อาจมีขยะมากถึง 40 ถึง 50 ตัน ที่ยังคงอยู่ที่ เซาท์โคล ซึ่งเป็นจุดตั้งแคมป์สุดท้าย ก่อนที่นักปีนเขาจะขึ้นไปถึงยอดเขา และนับตั้งแต่การพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ครั้งแรกในปี 1953 นักปีนเขามีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และหลายคนได้นำชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลเนปาลกำหนดให้นักปีนเขานำขยะและสิ่งของของพวกเขากลับไปด้วย ชาวเชอร์ปาในทีม สามารถเก็บขยะและศพจากพื้นที่ที่อยู่ในระดับค่อนข้างสูง ในขณะที่ทหารทำงานในพื้นที่ที่อยู่ต่ำกว่า และบริเวณจุดตั้งแคมป์ที่พักเป็นเวลาหลายสัปดาห์ในช่วงฤดูปีนเขา ในฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นช่วงที่สภาพอากาศดี อัง บาบู กล่าวว่าสภาพอากาศถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ในการทำงานในพื้นที่แคมป์เซาท์โคล ซึ่งมีระดับออกซิเจนประมาณ 1 ใน 3 ของปริมาณปกติ เขากล่าวว่า การขุดขยะก็นับเป็นงานใหญ่ เนื่องจากมันถูกแช่แข็งในน้ำแข็งและการทุบทำลายไม่ใช่เรื่องง่าย เขาใช้เวลา 2 วันในการขุดศพหนึ่งใกล้กับแคมป์เซาท์โคล ซึ่งถูกแช่แข็งอยู่ในท่ายืน ลึกลงไปในน้ำแข็ง ในระหว่างทาง ทีมงานต้องล่าถอยไปยังแคมป์ด้านล่าง เนื่องจากสภาพอากาศที่ย่ำแย่ และกลับมาทำงานต่อหลังจากอากาศดีขึ้น อีกศพหนึ่งอยู่ที่ระดับความสูงกว่า 8,400 เมตร และใช้เวลา 18 ชั่วโมงในการนำศพไปยังแคมป์ 2 ซึ่งมีเฮลิคอปเตอร์มารับศพ ก่อนที่ศพถูกจะถูกส่งไปยังโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยตริภูวัน ในกรุงกาฐมาณฑุ เพื่อระบุตัวตนต่อไปนั่นเอง