เปิดประวัติความเป็นมาของ ชายรักชาย ใน 5 ชนชาติโบราณ
เดือนแห่งความหลากหลายทางเพศเพิ่งจบไป แต่เรื่องราวในประวัติศาสตร์ยังคงอยู่ตลอดไป วันนี้จะมาเปิดที่มาของชายรักชายของ 5 ชาติโบราณกันครับ
1. กรีกโบราณ ในสมัยกรีกโบราณการรักร่วมเพศระหว่างชายรักชาย ถือเป็นเรื่องที่ได้รับการเห็นดีเห็นชอบจากนักปราชญ์ส่วนใหญ่โดยให้เหตุผลว่า หากคู่รักชายรักชายออกไปรบ สิ่งที่พวกเขาจะทำคือต่อสู้อย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยเหลือคู่รักของเขา (เพื่อนทหาร) นอกจากนี้ข้อดีของกองทัพชายรักชายคือ คนที่ขี้ขลาดก็จะกลายเป็นคนกล้าหาญได้! เพราะไม่อยากแสดงความขี้ขลาดออกมาให้คนรักเห็นนั่นเอง
2. ชาวโรมัน วัฒนธรรมชายรักชายของชาวโรมันจะต่างจากชาวกรีกโบราณอยู่บ้างคือ จะไม่ยอมรับการมีเพศสัมพันธ์ของผู้ใหญ่กับเด็กชาย แต่ว่ากันว่าสามารถซื้อบริการทางเพศกับทาสในที่ลับตาคนได้ ในทางกลับกันสำหรับหญิงรักหญิงหรือเลสเบี้ยนกลับถูกมองเป็นเรื่องที่ผิด
3. ญี่ปุ่น ย้อนกลับไปสมัยเอโดะ หนึ่งในวัฒนธรรมที่ถูกพูดถึงการเป็นยอดนักรบซามูไรคือ Shudo หรือ ประเพณีถ่ายทอดความเป็นซามูไรที่แท้จริง ด้วยการหลับนอนกับซามูไรที่อาวุโสกว่า และเมื่อซามูไรหนุ่มที่เคยนอนกับผู้อาวุโส มีอายุถึงเกณฑ์ก็จะสามารถหาซามูไรคนใหม่มาเพื่อส่งต่อความเป็นซามูไรที่แท้จริงต่อไปได้ แต่ปัจจุบันวัฒนธรรมดังกล่าวได้สูญหายไปพร้อมยุคซามูไรในญี่ปุ่นไปแล้ว
4. จีน วัฒนธรรมที่เราคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า ขุนนางชาวจีนโบราณจะมีสนม (หญิงสาว) นับร้อยนับพันที่ถูกคัดมาจากทั่วประเทศเพื่อคอยปรนนิบัติกิจกรรมทางเพศกับขุนนางเท่านั้น แต่ความจริงคือเด็กหนุ่มหน้าตาดี ก็ถูกเกณฑ์ให้เข้ารับใช้กิจกรรมอย่างว่าด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีข้อมูลระบุว่า เด็กชายบางคนถูกนำตัวไปร่วมการรบที่ยาวนานกับเหล่าขุนศึกแนวหน้าเพื่อทำกิจกรรมอย่างว่าด้วย
5. เมโสโปเตเมีย ขันทีถือกำเนิดจากวัฒนธรรมของชาวสุเมเรียนที่มีชื่อว่า ยูนุก (Eunuch) ซึ่งหมายถึงผู้ดูแลรักษาเตียงและรับใช้กษัตริย์อย่างใกล้ชิด ที่ถูกตอนอวัยวะเพศชายหรืออัณฑะทิ้ง ว่ากันว่าชายบางคนสามารถหาซื้อบริการทางเพศกับชายอื่นได้อย่างไม่ผิดกฎหมาย แต่ถูกจับได้ว่ามีความสัมพันธ์กับคนรู้จักจะถูกจับตอนทิ้งทันที