นักวิทย์ฯฉีดสารกัมมันตรังสีเข้าไปในนอของแรด เพื่อป้องกันการล่าแรดเอานอ
เพราะว่าแรดนั้นถูกล่าจนแทบสูญพันธุ์ ทำให้นักวิทยาศาสตร์ชาวแอฟริกาใต้ ฉีดสารกัมมันตรังสีเข้าไปในนอของแรดที่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อทำให้ง่ายต่อการตรวจพบพวกมันที่จุดผ่านชายแดน ในโครงการบุกเบิกที่มีเป้าหมายเพื่อหยุดยั้งการลักลอบล่าสัตว์ โดยนายเจมส์ ลาร์กิน ผู้อำนวยการหน่วยฟิสิกส์รังสีและสุขภาพ ของมหาวิทยาลัยวิตวอเตอร์สแรนด์ และผู้นำโครงการริเริ่มนี้ กล่าวว่า เขาใส่ชิปกัมมันตรังสีขนาดจิ๋ว 2 ชิ้นไว้ในนอแรด จากนั้นจึงฉีดไอโซโทปรังสีตามเข้าไป ซึ่งมันมีปริมาณตํ่ามาก จนไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของแรด หรือสิ่งแวดล้อม สารกัมมันตภาพรังสีข้างต้นจะทำให้นอแรดไร้ประโยชน์ และเป็นพิษต่อการบริโภคของมนุษย์
นายนิทายา เชตตี ศาสตราจารย์ และคณบดีคณะวิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเดียวกัน กล่าวเพิ่มเติม เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา กระทรวงสิ่งแวดล้อมแอฟริกาใต้ระบุว่า แม้รัฐบาลพยายามจัดการกับการค้าผิดกฎหมาย แต่มีแรดมากถึง 499 ตัว ถูกฆ่าในปี 2566 ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในอุทยานที่ดูแลโดยรัฐ และตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับปี 2565 ลาร์กินกล่าวว่า แรด 20 ตัว เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนำร่อง ไรโซโทป (Rhisotope)
โดยพวกมันจะได้รับสารกัมมันตรังสีปริมาณมากพอที่จะตอบสนองกับเครื่องตรวจจับที่ติดตั้งทั่วโลก ตามจุดผ่านแดนระหว่างประเทศ ซึ่งเดิมทีถูกใช้งานเพื่อป้องกันการก่อการร้ายด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์หลายคนกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ชายแดนมักจะมีเครื่องตรวจจับรังสีแบบพกพา ซึ่งสามารถตรวจพบของผิดกฎหมายได้
นอกเหนือจากเครื่องตรวจจับรังสีหลายพันเครื่อง ที่ติดตั้งไว้ตามท่าเรือและสนามบิน ด้านนายอาร์รี วาน ดีเวนเทอร์ ผู้ก่อตั้งสถานเลี้ยงแรดกำพร้าลิมโปโป ในเขตวอเตอร์เบิร์ก ทางตะวันออกเฉียงเหนือของแอฟริกาใต้ กล่าวว่า การตัดนอแรด และการวางยาพิษนอแรด ไม่สามารถขัดขวางผู้ลักลอบล่าสัตว์ได้ แต่การฉีดสารกัมมันตรังสีเข้าไปในนอแรด ถือเป็นแนวทางที่ดีที่สุด ที่เขาเคยได้ยินมาเลยทีเดียว