ณ.ตอนนี้ประเทศที่ข้าวของแพงลำดับที่ 2 ของ EU คือประเทศไอร์แลนด์
ประเทศไอร์แลนด์ กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ ข้าวของ อุปโภคบริโภค..มีราคาแพงที่สุดในสหภาพยุโรปสำหรับสินค้าและบริการ ในขณะนี้
ราคาสิ่งของ ทั้งของกิน และของใช้..ที่นี่สูงกว่าราคาเฉลี่ยสำหรับสหภาพยุโรปถึง 42 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งของแพงอันดับ 1 คือประเทศเดนมาร์ก และขยับราคาตามเดนมาร์กซึ่งมีราคาแพงที่สุด ตามตัวเลขจากหน่วยงานสถิติของสหภาพยุโรป Eurostat
ราคาในเดนมาร์กสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มนี้ถึง 43 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหมายความว่าทั้งเดนมาร์กและไอร์แลนด์มีค่าครองชีพที่สูงใกล้เคียงกันในทั้งสองประเทศ
ผู้เชี่ยวชาญด้านผู้บริโภคกล่าวว่าค่าครองชีพที่สูงในประเทศนี้ “น่าตกใจ” โดยกล่าวโทษภาษีที่สูงและการบังคับใช้กฎระเบียบที่อ่อนแอสำหรับราคาที่สูงขึ้นที่ผู้บริโภคจ่าย
ช่องว่างด้านราคาระหว่างประเทศนี้กับค่าเฉลี่ยของสหภาพยุโรปกำลังกว้างขึ้น
ในปี 2559 ราคาที่นี่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของสหภาพยุโรปถึง 29% แต่ช่องว่างก็เพิ่มขึ้นทุกปีตั้งแต่นั้นมา
ขณะนี้ราคาเครื่องอุปโภคบริโภค ในไอร์แลนด์สูงกว่าประเทศที่มีราคาแพงแบบดั้งเดิมเช่นสวีเดนและนอร์เวย์
ต้นทุนที่อยู่อาศัย เช่น ค่าเช่า อัตราการจำนอง ค่าแก๊สและไฟฟ้า มีราคาแพงที่สุดในสหภาพยุโรป ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยสองเท่า
ราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบที่นี่แพงที่สุดในสหภาพยุโรป โดยสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ อื่นๆ ในยุโรปมากกว่าสองเท่า
Eurostat กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงราคาอย่างมากของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบมีสาเหตุหลักมาจากการเก็บภาษี
ไอร์แลนด์มีอัตราภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่สูงที่สุดในโลก
การสำรวจซึ่งประเมินส่วนต่างของราคาสินค้าและบริการอุปโภคบริโภคมากกว่า 2,000 รายการในปีที่แล้ว พบว่าชาวไอริชจ่ายเงินซื้อสินค้าและบริการทั้งหมดมากขึ้น ระดับราคาในร้านอาหารและโรงแรมสูงกว่าค่าเฉลี่ยของสหภาพยุโรปถึง 28 เปอร์เซ็นต์
ผู้บริโภคชาวไอริชยังจ่ายค่าพลังงานเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 18% ในปีที่แล้ว และค่าขนส่งก็แพงกว่า 15% ในประเทศนี้ ราคาร้านอาหารและโรงแรมไอริชมีราคาแพงที่สุดเป็นอันดับสามในสหภาพยุโรป โดยสูงกว่าค่าเฉลี่ย 28% ตามหลังเพียงเดนมาร์กและฟินแลนด์..
รอติดตามกันต่อไป..
ที่มา:Irish Independent