ไอซ์แลนด์กลับมาอนุญาตให้ล่าวาฬ ได้อีกครั้ง
เป็นการรายงานข่าวมาจากสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงเรคยาวิก ประเทศไอซ์แลนด์ ในวันนี้ (12 มิถุนายน 2567) ว่าทางรัฐบาลไอซ์แลนด์ได้อนุมัติใบอนุญาตล่าวาฬฟิน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากวาฬสีน้ำเงิน จำนวน 128 ตัว ให้กับบริษัทล่าวาฬเพียงแห่งเดียวของประเทศ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางเกี่ยวกับใบอนุญาตดังกล่าว เนื่องจากไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ และญี่ปุ่น เป็น 3 ประเทศในโลกที่ยังอนุญาตให้มีการล่าวาฬเชิงพาณิชย์ โดยเมื่อเดือนมกราคม 2567 ที่ผ่านมา ฮวาลูร์ เอชเอฟ. กลุ่มล่าวาฬเพียงกลุ่มเดียวที่เหลืออยู่ในไอซ์แลนด์ ยื่นขอใบอนุญาตล่าวาฬต่ออีก 5 ปี หลังใบอนุญาตฉบับเดิมหมดอายุ ขณะที่บริษัทอื่นได้ล้มเลิกกิจการอย่างถาวรไปเมื่อปี 2563 เนื่องจากไม่ได้กำไร โดยรัฐบาลระบุในแถลงการณ์ว่า ใบอนุญาตใหม่จะใช้ได้ในฤดูล่าวาฬปีนี้ ที่อนุญาตให้ล่าวาฬฟินได้ 128 ตัว ซึ่งลดลงจากปีที่แล้ว ซึ่งอนุญาตให้ล่าได้ 161 ตัว
การตัดสินใจครั้งนี้ สอดคล้องกับคำแนะนำของสถาบันวิจัยทางทะเลและน้ำจืดประจำปี 2560 และปัจจัยทางระบบนิเวศแบบอนุรักษนิยม ของคณะกรรมาธิการการล่าวาฬระหว่างประเทศ รัฐบาลกล่าวในแถลงการณ์ว่าสิ่งนี้อยู่บนพื้นฐานของแนวทางการป้องกันไว้ก่อน และให้ความสำคัญเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนมากขึ้น โดยการล่าวาฬในไอซ์แลนด์ จะเกิดขึ้นระหว่างกลางเดือน มิ.ย.-ก.ย. และด้วยใบอนุญาตนี้ จะสามารถล่าวาฬได้ 99 ตัว ในภูมิภาคกรีนแลนด์/ไอซ์แลนด์ตะวันตก และ 29 ตัวในภูมิภาคไอซ์แลนด์ตะวันออก/หมู่เกาะแฟโร หลังจากเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ไอซ์แลนด์ได้ระงับการล่าวาฬเป็นเวลา 2 เดือน ตามผลการสอบสวนของรัฐบาล ที่พบว่ามีการวิธีไม่สอดคล้องกับสวัสดิภาพสัตว์หลังมีการใช้ฉมวกระเบิดเพื่อจับวาฬ และจากการสำรวจของสถาบันมาสคินา เมื่อเดือน มิ.ย. ปีที่แล้ว ชาวไอซ์แลนด์ร้อยละ 51 ไม่เห็นด้วยกับการล่าวาฬ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 42 ที่เคยสำรวจเมื่อ 4 ปีก่อน โดยไอซ์แลนด์พึ่งพาการตกปลาและการล่าวาฬมานานหลายศตวรรษ แต่ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งรวมไปถึงการทัวร์ชมวาฬเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่หลายๆประเทศหรือหลายๆองค์กรไม่เห็นด้วยกับกิจกรรมในครั้งนี้