ละครเกย์ของไทย ครองใจคนทั่วเอเชีย
ชาวเน็ตหญิงจีน ที่มีชื่อว่า "หวง ปิงปิง" วัย 36 ปี กล่าวว่า "ในจุดที่ตกต่ำที่สุดในชีวิตของฉัน ฉันที่กำลังต่อสู้กับความเหนื่อยล้าและภาวะซึมเศร้า ภายในบ้านเกิดของฉันในจีน" และ "ฉันรู้สึกสบายใจเมื่อได้ชมเรื่องราวความรัก ของชายหนุ่ม 2 คน ในละครโทรทัศน์ของไทย เรื่อง "Love by Chance" ตอนนั้นในจีนเรียกได้ว่า แทบจะไม่มีใครรู้จักเลยในตอนนั้น มันเป็นเรื่องราวโรแมนติกของเพศเดียวกัน โดยตัวหนังมันดีมาก นักแสดงก็เล่นดีมาก มันทำให้ฉันรู้สึกดีและหายซึมเศร้า อีกทั้งฉันยังได้แรงบันดาลใจจากนักแสดงอีกด้วย"
"หวง ปิงปิง" กล่าวอีกว่า "ผู้คนที่จีน ไม่สนใจเรื่องเพศ" และ "พวกเขาคิดว่าความรักทั้งหมดเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นระหว่างผู้ชาย ผู้หญิง หรือเพศที่สามก็ตาม" และ "หนังแนวหญิงรักหญิง ก็กำลังบูทเลยในจีนตอนนี้!!"
จุดเริ่มต้นของสื่อบันทึกแนว "ชายรักชาย" เริ่มต้นจากการ์ตูนมังงะญี่ปุ่น ในทศวรรษ 1960 ที่รู้จักกันในชื่อ "ยาโออิ" หลังจากนั้นแนวชายรักชายก็เฟื้องฟู จนมาสู่ประเทศไทย แล้วหลังจากนั้นก็มีชุมชน LGBTQ ในไทยและทั่วโลก และ ก็มีหลายประเทศที่ยอมรับ ถึงการมีอยู่ของชุมชน LGBTQ
หนังแนวเกย์ของไทย ยังประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในประเทศจีน ถึงแม้จีนจะออกเป็นกฎหมาย แบนสื่อแนวเกย์ๆไปซะหมด แต่ชาวเน็ตหญิงหลายคนกล่าวว่า "เพราะเราชอบมัน เราจะหาวิธีค้นหามันจากเน็ต" และ "เราไม่สนใจว่าใครจะคิดยังไงกับเรา!!"
"คิระ ทู ฮา ทรินห์" เป็นลูกค้าประจำของร้านกาแฟเล็กๆ ธีมไทยในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า "ร้านกาแฟร้านนี้ มีรูปนักแสดงชาย จากหนังชายรักชายของไทย แปะไว้เต็มผนังของร้าน" และ "หนังแนวนี้ได้รับความนิยมมากในญี่ปุ่น โดยมันได้รับความนิยมในช่วงที่โลก กำลังเผชิญหน้ากับยุคสมัยของโควิด" และ "หนังแนวชายรักชาย หญิงรักหญิง มันได้ทำลายอัลกอริธึม ของใครหลายคน"
"ปูวิน" ชายชาวอินเดีย กล่าวว่า "ในอินเดีย อินโดนีเซีย และ มาเลเซีย ต่างก็มีชุมชน LGBTQ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ออกมาก็ตาม เนื่องจากผิดกฎหมายของประเทศ แต่พวกเขาก็ยังคงเสพ หนังแนวนี้เช่นกัน"
"ภูวิน" ชายชาวไทย กล่าวว่า "บางครั้งชีวิตของเกย์ในประเทศไทย ก็ค่อนข้างน่าเศร้า พวกเขามีปัญหาภายในครอบครัว เพราะผู้ปกครองของพวกเขากลัวว่า ลูกๆหลานๆของตัวเองจะต้องเจอกับ โศกนาฏกรรมในชีวิตคู่"