รวบแล้ว!ผัวโหดฟันหัวเมียดับ หลังขี่ จยย.หนีข้ามจังหวัด
รวบแล้ว!ผัวโหดฟันหัวเมียดับ หลังขี่ จยย.หนีข้ามจังหวัดจนมุมหน้าค่ายทหารอำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา รับสารภาพมีปากเสียงทะเลาะกันก่อนใช้มีดแทงแล้วมีดพร้าฟันท้ายทอยเละตายคาที่
เมื่อเวลา 02.00 น.วันที่ 11มิถุนายน 2567 กำลังตำรวจกก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช นำโดย พ.ต.ท.วรรณชัย คชายนต์ สว.กก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ประสานกำลังตำรวจสืบสวนภาค9 นำหมายจับของสาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ไปจับกุมตัวนายประยุทธ์ หรือ หนุ่ย อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ในคดีใช้อาวุธมีดพร้าและมีดปลายแหลมทำร้ายนางสาววิจิตรพร หรือนาง อายุ 31ปี ภรรยา เสียชีวิตในขนำไม่มีเลขที่ในสวนปาล์มน้ำมัน หมู่ 4 ต.เสาเภา อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เมื่อช่วงเย็นวันที่ 10 มิถุนายน 2567 โดยตำรวจชุดดังกล่าวจับกุมนายประยุทธิ์ หรือ หนุ่ย ได้ที่ริมถนนหน้า มทบ.42 หรือ ค่ายเสนาณรงค์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ก่อนจะควบคุมตัวนายประยุทธ์ ผู้ต้องหา พร้อมรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟสีแดง ที่ขี่หลบหนีออกจากที่เกิดเหตุใน อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช โดยเบื้องต้นนายประยุทธ์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่าได้ก่อเหตุใช้มีดปลายแหลมแทงแล้วใช้มีดพร้าฟันหัวบริเวณท้ายทอยนางสาววิจิตรพรหรือนาง จนเสียชีวิตคาที่ โดยสาเหตุมาจากเรื่องมีปากเสียงทะเลาะกันบ่อยครั้ง และก่อนเกิดเหตุมีปากเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรงอีกในเรื่องที่นางวิจิตรา ภรรยา จัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าจะเดินทางกลับบ้านเกิดที่ จ.สุราษฎร์ธานี แต่นายประยุทธ์ สามี ไม่ยอมให้เมียกลับบ้านที่ จ.สุราษฎร์ธานี ทำให้มีปากเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรง ก่อนใช้มีดแทงที่หน้าอกและแขนขวา แล้วใช้มีดพร้าฟันศีรษะนางวิจิตร เมียจนตายสยองคาที่ดังกล่าว ซึ่งตำรวจชุดจับกุมได้คุมตัวนายประยุทธ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับเดินทางมาส่ง พ.ต.ต.สุวิทย์ ทองสุภา สว.(สอบสวน) สภ.สิชล เพื่อดำเนินคดีตามกม.ต่อไป โดยคาดว่าจะคุมตัวนายประยุทฯผู้ต้องหามาถึง สภ.สิชล ในบ่ายวันนี้(12มิ.ย.)ก่อนตำรวจจะคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพต่อไปหลังสอบสวนปากคำเสร็จแล้ว
ส่วนศพของนางสาววิจิตรพร ทางญาติจะเดินทางมารับศพที่ โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช และจะนำศพไปบำเพ็ญกุศลศพที่บ้านเกิด อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี
นายยง อายุ 81 ปี พ่อของนายประยุทธ์ ซึ่งบ้านอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 50 เมตร กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าตามปกติลูกชายและลูกสะใภ้ที่เสียชีวิตมักจะมีปากเสียงทะเลาะกันเป็นประจำเป็นอาจิณ จนญาติๆและชาวบ้านจะไม่ค่อยอยากเข้าไปห้ามปราม ตนขอโทษญาติๆฝ่ายลูกสะใภ้ด้วยที่ลูกชายตนก่อเหตุรุนแรงเกิดไปในครั้งนี้จนทำให้ลูกสะใภ้เสียชีวิต ซึ่งใครก็ใม่อยากให้เกิดขึ้น ต้องขอโทษทุกคนด้วย ส่วนมูลเหตุจริงๆก็ไม่ทราบว่าเกิดจากเรื่องอะไรแต่น่าจะมาจากเรื่องที่ลูกสะใภ้จัดเสื้อผ้าใส่กระเป่าเตรียมจะกลับบ้านที่ จ.สุราษฎร์ มาหลายวันแล้ว แต่ลูกชายตนอาจจะไม่ยอมให้ไปเลยทำให้มีปากเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรงจนถึงขั้นฆ่ากันตายดังกล่าว หลังเกิดเหตุลูกชายได้มาขอยืมรถ จยย.ของตนขับหนีข้ามจังหวัดไปหาน้องสาวคนหนึ่งที่ค่ายทหารคอหงส์ อ.หาใดหญ่ จ.สงขลา ตนจึงแจ้งตำรวจให้ไปจับกุม
นางบุญศรี อายุ 65 ปีแม่ของนายประยุทธ์ ผู้ต้องหา ซึ่งป่วยอยู่ใน
บ้านให้การว่า ลูกชายและลูกสะใภ้มีปากเสียงทะเลาะกันบ่อย จนญาติๆไม่รู้จะห้ามอย่างไรแล้วเพราะเทะลาะกันทุกวันเป็นอาจิณ ซึ่งยอมรับว่าลูกชายและลูกสะใภ้เคยเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งญาติห้ามปรามให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดจนทั้งสองเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมานานแล้ว ส่วนลูกชายยอมรับว่าระยะหลังหันมาเสพน้ำต้มพืชกระท่อมแทน ส่วนสาเหตุฆ่ากันไม่รู้จริงๆว่าเกิดจากเรื่องอะไร แต่คาดว่าน่าจะเกิดความหึงหวง เพราะทราบว่าลูกสะใภ้จะกลับบ้าน จ.สุราษฎร์ธานีแต่ลูกชายไม่ยอมให้ไปเลยทะเลาะกันด้วยความหึงหวงดังกล่าว อย่างไรก็ตามก็ต้องให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดำเนินคดีลูกชายตามกม.ต่อไปและชดใช้กรรมที่เกิดขึ้นต่อไป ตนขอโทษญาติๆของลูกสะไภ้ด้วย
สำหรับเหตุการร์คดีนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 10 มิถุนายน 2567 พ.ต.ต.สุวิทย์ ทองสุภา สว. ( สอบสวน ) สภ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายที่ขนำสวนปาล์มน้ำมัน หลังตลาดแม่กิ้มส้อง หรือตลาดนาแล ท้องที่หมู่ 4 หมู่ 4 ต.เสาเภา อ.สิชล จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้นแล้วพร้อมด้วยกำลังตำรวจชุดสืบสวน แพทย์เวรโรงพยาบาลสิชล และเจ้าหน้าที่มูลนิธิเพชรเกษมนครศรีธรรมราช ร่วมเดินทางไปชันสูตรพลิก
เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบศพนางวิจิตรพร อายุ 34 ปี สภาพศพถูกอาวุธมีดฟันศรีษะ ลำตัว และถูกแทงเข้าที่แขนขวาหน้าอกอีก2แผล นอนหงายเสียชีวิตอยู่ในขนำ ในชุดสวมเสื้อยืดคอกลมสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีเขียว ส่วนคนก่อเหตุไม่ใช้ใครที่ไหน แต่เป็นสามีผู้เสียชีวิตสอบสวนทราบชื่อนายประยุทธ อายุ 34 ปี ชา หลังก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟสีดง หลบหนี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยุสกัดจับ แต่ยังไร้วี่แวว แต่คาดว่ายังหลบหนีไปได้ไม่ไกล
โดยจากการสอบสวนทราบเบื้องต้นทราบว่านางวิจิตรพร ผู้ตาย และนายประยุทธ สามี เช่าบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 3 ปีแล้ว ส่วนผู้ตาย มีอาชีพทำงานรับจ้างเฝ้าคนไข้ในโรงพยาบาลสิชล ส่วนนายประยุทธ์ สามี มีพฤติกรรมเสพน้ำต้มพืชกระท่อมเป็นประจำแต่เลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเพติดมานานแล้วเพราะพ่อแม่และญาติขอร้องให้เลิกยุ่งกับเสพติด โดยก่อนเกิดเหตุทั้งคู่มีปากเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรงก่อนถูกสามีใช้มีดแทงแขนและหน้าแล้วใช้มีดพร้าฟันหัวบริเวณท้ายทอยทำให้นางวิจิตรพร หรือนาง เสียชีวิตาที่ หลังเกิดเหตุนายประยุทธ์ สามีถือมีดพร้าเดินข้ามถนนไปเก็บที่บ้านพ่อแม่ที่อยู่ฝั่งตรวข้ามแล้วขี่รถจยย.หลบหนีข้ามจังหวัดจนถูกจับกุมดังกล่าว