อินโดฯหาทางกำจัดวัณโรค หวั่นกระทบแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
เป็นการรายงานข่าวมาจากสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ในวันนี้ (11 มิถุนายน 2567) ว่าอินโดนีเซียวางแผนดำเนินการทดลองวัคซีนหลายชนิดเพื่อต่อสู้กับวัณโรค ที่ระบาดเพิ่มขึ้นในปีนี้ ด้วยความกังวลว่า การแพร่ระบาดอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ หลังจากเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขประเมินว่าในปี 2566 มีผู้ป่วยวัณโรคสะสมมากกว่า 1 ล้านคน เทียบกับเมื่อปี 2563 ที่มีผู้ป่วยสะสมประมาณ 820,000 คน นายมูฮัดจิร์ เอฟเฟนดี รมว.การพัฒนามนุษย์ของอินโดนีเซีย กล่าวว่า เมื่อปี 2565 มีผู้เสียชีวิตจากวัณโรคในอินโดนีเซียประมาณ 134,000 ราย ซึ่งสูงเป็นอันดับที่ 2 ของโลกรองจากอินเดีย
โดบผู้ป่วย 3 ใน 4 อยู่ในช่วงวัยทำงาน ในขณะที่ 45% ของผู้ป่วยทั้งหมดไม่ได้ทำงาน ทำให้เกิดความกังวลว่า การแพร่กระจายของโรคอาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการคาดการณ์ผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยนายบูดี กูนาดี ซาดิคิน รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า อินโดนีเซียวางแผนทดลองวัคซีนวัณโรค ที่พัฒนาโดยบริษัทยาระดับโลก แกล็กโซสมิธไคลน์ ในเดือนกรกฏาคม 2567 นี้ โดยจะมีผู้เข้าร่วมทดลอง 2,500 คน การพัฒนาวัคซีนดังกล่าว ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์
นอกจากนั้น บูดีคาดการณ์ว่า จะมีการวิจัยทางคลินิกสำหรับวัคซีนที่ผลิตโดยแคนซิโน ไบโอโลจิกส์ ของจีนในปีนี้ด้วย “เราหวังะเป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ที่ผลิตวัคซีนวัณโรค บูดีกล่าว เรายังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการทดลองทางคลินิก สำหรับวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ ที่พัฒนาโดยไบโอเอ็นเทค ซึ่งเป็นบริษัทผู้ร่วมพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 กับไฟเซอร์ ถือว่าโรควัณโรคนี้เป็นโรคที่สร้างผลกระทบทางสุขภาพของคนในประเทศต่างๆไม่น้อย รวมถึงในบ้านเราด้วยที่หาทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้งมันให้หมดไปจากประเทศเสียที