4 มหาวิทยาลัยในไต้หวันกำลังจะปิดตัว เหตุเพราะเด็กเกิดน้อยลง
เป็นการรายงานข่าวจากสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากรายงานจากกรุงไทเป สาธารณรัฐจีน เมื่อวานนี้ (8 มิถุนายน 2567) ว่า มหาวิทยาลัย 4 แห่งในไต้หวัน ได้แก่ มหาวิทยาลัยทรานส์ เวิลด์ มหาวิทยาลัยหมิงเต่า สถาบันเทคโนโลยีต้าตุง และมหาวิทยาลัยตุ้งฟาง ดีไซน์ จะปิดตัวลงในเดือน ก.ค. นี้ เนื่องจากจำนวนนักศึกษาลงทะเบียนเรียนน้อยลง ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราการเกิดในไต้หวันที่ลดต่ำ ทั้งนี้ มหาวิทยาลัย 3 แห่งแรก ได้รับการผ่อนผันเป็นเวลา 6 เดือน จากกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อแก้ไขปัญหาภายในต่าง ๆ ให้เรียบร้อย แต่พวกเขาล้มเหลวในการดำเนินการดังกล่าว จึงต้องปิดตัวลงในวันที่ 31 พ.ค. นี้ ขณะที่มหาวิทยาลัยตุ้งฟาง ดีไซน์ ยื่นคำร้องเพื่อระงับการสมัครเรียนระหว่างปี 2566-2567 โดยคำร้องได้รับอนุญาตแล้ว และจะมีกำหนดปิดตัวลงในเดือนกรกฏาคม 2567 นี้ อย่างไรก็ดี นักศึกษาประมาณ 728 คน จากมหาวิทยาลัยทั้ง 4 แห่ง สามารถโอนย้ายหน่วยกิจ เพื่อไปศึกษายังสถาบันแห่งอื่น ในปีการศึกษาใหม่ นายอู๋ ชุน-ชุง ประธานสหภาพนักการศึกษาโรงเรียนเอกชน อธิบายว่า อัตราการเกิดที่ลดลง ส่งจะผลกระทบต่อการเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมปลาย ภายในปี 2568 โดยผลกระทบต่อโรงเรียนเอกชนจะอาจมากกว่า เมื่อพิจารณาถึงการขาดแคลนนักเรียนและความต้องการโรงเรียนของรัฐ ในเวลาเดียวกัน มหาวิทยาลัยเอกชนจะเผชิญกับวิกฤติในปี 2571 ซึ่งอาจส่งผลให้มหาวิทยาลัยประมาณ 40 แห่ง จากทั้งหมด 103 แห่ง ในเกาะไต้หวันปิดตัวลง มากไปกว่านั้น จำนวนนักเรียนในโรงเรียนมัธยมเอกชนอาจลดลงเหลือน้อยกว่า 30,000 คน ภายในปี 2581 และอย่างน้อย 50 แห่ง มีความเสี่ยงที่จะถูกปิด นอกจากไต้หวันแล้ว ประเทศต่าง ๆ เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไทย ก็กำลังประสบกับปัญหาดังกล่าวเช่นกัน อาทิ กระทรวงศึกษาธิการสิงคโปร์ ประกาศการรวมโรงเรียน 46 แห่ง เมื่อปี 2560 และ 2564 เนื่องจากอัตราการเกิดที่ลดลงนั่นเอง นับว่าการลดลงของจำนวนประชากรเกิดใหม่นั้นได้ส่งผลอย่างเป็นรูปธรรมแล้วในหลายๆประเทศ