ญี่ปุ่นตั้งเป้าทำรายได้ 4.6 ล้านล้านบาท จากการขายเกม-อนิเมะ
เป็นการรายงานข่าวจากสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในวันนี้ (6 มิถุนายน 2567) ว่ารัฐบาลญี่ปุ่น ประเทศมหาอำนาจแห่งวัฒนธรรมการ์ตูน อาทิ ดราก้อน บอล และแฟรนไชส์เกม ซุปเปอร์ มาริโอ และไฟนอล แฟนตาซี ต้องการจะขยายตลาดต่างประเทศของวิดีโอเกม, มังงะ และอนิเมะ ให้ได้ 4 เท่า หรือคิดเป็นมูลค่า 130,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 4.6 ล้านล้านบาท ภายใน 10 ปี โดยเชื่อว่าอุตสาหกรรมดังกล่าวจะสามารถเติบโตได้อย่างทัดเทียมกันกับอุตสาหกรรมเหล็กและเซมิคอนดักเตอร์ โดยกลยุทธ์ คูล เจแปน ได้ระบุเป้าหมายของรัฐบาล ในการส่งออกทรัพย์สินทางวัฒนธรรมเหล่านี้ให้ได้ 20 ล้านล้านเยนหรือประมาณ 4.6 ล้านล้านบาท ภายในปี 2576
เพราะจากสถิติเมื่อปี 2565 อุตสาหกรรมเกม อนิเมะ และมังงะของญี่ปุ่น กวาดรายได้จากต่างประเทศได้ถึง 4.7 ล้านล้านเยนหรือประมาณ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับตัวเลขการส่งออกไมโครชิป ซึ่งมีมูลค่า 5.7 ล้านล้านเยนหรือประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท เพราะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อนิเมะและมังงะมีบทบาทสำคัญ เพื่อดึงดูดแฟนคลับวัยเยาว์มากขึ้นเรื่อย ๆ ในต่างประเทศ และทำหน้าที่เป็น ประตู สู่ญี่ปุ่นโดยช่องทางสตรีมมิงที่เฟื่องฟูในช่วงที่โรคโควิด-19 ระบาด ช่วยเพิ่มชื่อเสียงของอนิเมะหลายเรื่อง รวมไปถึง ‘ดาบพิฆาตอสูร’ ที่โด่งดังไปทั่วโลก มากไปกว่านั้น ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของวีทูบเบอร์ หรือแอนิเมชั่นยูทูบเบอร์เสมือนจริงทั้งยังช่วยผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ของญี่ปุ่นในระดับสากลอีกด้วย
เมื่อการเติบโตของภาคส่วนเหล่านี้ผนวกกับภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น แฟชั่น, เครื่องสำอาง และการท่องเที่ยว ญี่ปุ่นตั้งเป้าหมายผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจไว้ที่ 50 ล้านล้านเยนหรือประมาณ 11 ล้านล้านบาทภายในปี 2576 นับว่าเป็นการเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียว แต่ก็ต้องยอมให้เขาล่ะ เพราะญี่ปุ่นเขาเก่งทางด้านนี้อยู่แล้ว