ถูกโรงแรมปรับเงิน เหตุเพราะไม่กลับมานอนห้อง
ข่าวลูกค้าถูกละเมิดสิทธิ์นี้ได้ถูกเปิดเผยโดยสื่อของประเทศจีนสื่อหนึ่งที่ได้รายงานถึงชายแซ่ถัง ซึ่งได้เข้าเช็คอินที่โรงแรมชื่อดังในกรุงปักกิ่ง โดยจองห้องพัก 2 ห้องเป็นเวลา 3 คืน แต่ก็เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นเมื่อเขากำลังจะเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม ผู้จัดการโรงแรมกลับบอกเขาว่าเนื่องจากตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดแล้ว และพบว่าเขาไม่ได้กลับเข้ามาที่ห้องพักทุกคืน ดังนั้นจะถูกเรียกเก็บเงิน 500 หยวนต่อคืนหรือเมื่อคิดเป็นเงินไทยก็ตกอยู่ที่ประมาณ 2,580 บาทต่อห้องต่อคืน
โดยรวมคือจะมีการเรียกเก็บเงินทั้งหมด 3,000 หยวนหรือประมาณ 15,500 บาท โดยนายถังบอกว่าเขาค่อนข้างตกตะลึงเมื่อได้รับแจ้งเรื่องค่าปรับนี้ และอธิบายว่าเนื่องจากเขายังคงปรับตัวกับอาการเจ็ตแล็กไม่ได้ จึงออกไปเดินเล่นข้างนอกตอนกลางคืน และกลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อนในตอนกลางวัน เขายังกล่าวอีกว่าการใช้กล้องวงจรปิดของโรงแรมเพื่อติดตามพฤติกรรมของผู้เข้าพัก ถือเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวขั้นพื้นฐาน ยิ่งไปกว่านั้นทางโรงแรมยังหักค่าปรับจากเงินมัดจำโดยพลการ และบิลนั้นไม่ได้ระบุว่าเป็นค่าปรับ แต่เก็บเงินในส่วนขงค่าห้องพัก พร้อมตั้งคำถามทิ้งท้ายไว้ว่า
นี่คือการละเมิดสิทธิผู้บริโภคหรือไม่ ต่อมาทางผู้อำนวยการของกลุ่มโรงแรมดังกล่าว ได้ออกมาตอบสนองต่อประเด็นร้อนแรงที่เกิดขึ้นโดยระบุว่า เนื่องจากลูกค้าได้ลงนามในหนังสือสัญญาและม่ได้กลับมาพักในเวลากลางคืน อาจเป็นไปได้ว่าห้องถูกโอนไปให้ผู้อื่น ดังนั้นเราจึงขอส่วนต่างราคา นี่เป็นการตรวจสอบภายในเพื่อปกป้องสิทธิ์และผลประโยชน์ของสมาชิกรายอื่น แต่ก็มีคนไม่เห็นด้วยและออกมาแสดงความเห็นกันมากมาย สุดท้ายนายถังได้รับอีเมล์ขอโทษและได้เงินค่าปรับคืนและได้บัตรของขวัญสำหรับใช้ครั้งต่อไปด้วย ซึ่งทำให้เขาพึงพอใจอยู่ไม่น้อยทีเดียว ถือว่าจบด้วยดี