"พระฉันบวบ" ต้องอาบัติปาราชิก ตามพระไตรปิฏก
ข่าวคาวในวงการผ้าเหลืองนี้ได้ถูกหยิบยกมาพูดถึงกันอีกครั้งหลังจากนายบุญเชิด กิตติธรางกูร ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดปทุมธานี ได้โพสต์ผ่านเฟสบุ๊ก ส่วนตัว เกี่ยวกับกรณีข่าว พระฉันบวบ โดยโพสต์แรกระบุว่า สังคมตั้งข้อสงสัย กรณีมีข่าวคราวออกมาบ่อยครั้งเกี่ยวกับพระถูกกล่าวหาว่าฉันบวบหนุ่มรูปงามบ้าง เณรน้อยบ้าง บางรูปชิ่งลาสิกขาก่อนถูกสงฆ์ตัดสิน บางรูปถูกตัดสินว่า ต้องแค่สังฆาทิเสส ไปอยู่ปริวาสก็กลับมาเป็นปกตัตตะภิกษุได้แล้ว บางท่านบอกต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นภิกษุไปแล้วแล้วพระวินัยธรว่ายังไงบ้าง และได้บอกต่อว่าพระฉันบวบ ต้องอาบัติปาราชิก
โดยระบุว่า ภิกษุต้องอาบัติปาราชิกข้อหาเสพเมถุน แต่อาจเข้าใจว่าต้องอาบัติอื่น เพราะไม่ได้ศึกษาให้รอบด้าน หลักฐานที่ 1 ตามไปดูวินีตวัตถุ คือเรื่องที่พระพุทธองค์ทรงวินิจฉัยแล้ว หมายถึงเมื่อมีการกระทำอันส่อว่าจะเป็นการล่วงละเมิดข้อบัญญัติเกิดขึ้น โดยมีภิกษุไปทำขึ้นและเรื่องนั้นถูกนำขึ้นกราบทูลให้ทรงทราบ ทรงรับสั่งตรัสถามโดยวิธีเดียวกับวิธีการบัญญัติสิกขาบทแต่ละครั้ง แล้วทรงวินิจฉัยว่าเป็นอาบัติหรือไม่เป็นอาบัติ
และได้ยกตัวอย่างเรื่องภิกษุหลังอ่อน สมัยนั้น ภิกษุหลังอ่อนรูปหนึ่ง มีความกำหนัดมาก ใช้ปากอมองคชาตของตน แล้วเกิดความกังวลใจว่า พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติสิกขาบทไว้แล้ว เราต้องอาบัติปาราชิกหรือหนอ จึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ พระองค์ตรัสว่า ภิกษุ เธอต้องอาบัติปาราชิก จากหลักฐานนี้ บ่งชี้ได้ว่าแม้ภิกษุใช้ปากอมองคชาตของตัวเอง พระพุทธองค์ยังทรงวินิจฉัยว่า ภิกษุต้องอาบัติปาราชิก มิต้องกล่าวถึงการใช้ปากอมองคชาตของชายอื่นเลย ฉะนั้นจึงสรุปได้ว่า การฉันบวบ ของพระนั้นต้องอาบัติปาราชิกแน่นอน อย่าตะแบง