ในที่สุดก็เจอคนที่เอาทอง 2 ล้านไป

       จากกรณีที่นางไพรินทร์ ได้ทำทองคำน้ำหนักร่วม 40 บาทมูลค่าเกือบ 2 ล้านบาทหล่นหายที่บริเวณสะพานลอย ตรงข้ามโลตัสปิ่นเกล้า ถนนบรมราชชนนี แขวงอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ และกลับมาหาของแล้วไม่เจอ เมื่อหลายวันก่อนหน้านั้น ล่าสุดได้มีความคืบหน้าโดยได้รู้ตัวคนเอาไปแล้ว ซึ่งคือกลุ่มคนที่ถูกสงสัยมาตั้งแต่แรกนั่นเอง คือแท็กซี่สี่คันที่อยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุในวันนั้นนั่นเอง

โดยเริ่มหลังจากที่นางไพรินทร์ทำทองหล่นลงบนถนน และต่อมาได้ถูกแท็กซี่สีฟ้าแล่นมาคร่อมกระเป๋าแล้วกระเป๋าก็ติดท้องรถไป ติดไปได้ระยะหนึ่งกระเป๋าก็หลุดออกไป แล้วแท็กซี่สีส้มมาแล่นทับจนติดท้องรถไปอีก จนแท็กซี่สีส้มไปจอดกินก๋วยเตี๋ยวแล้วเห็นกระเป๋าเข้าเลยเก็บขึ้นมาจากถนนแล้วไปว่างไว้โคนเสาไฟแถวนั้นและเจ้าตัวก็ไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวจนเสร็จ เมื่อกินเสร็จแล้วก็เดินมาหยิบกระเป๋าที่ตัวเองวางไว้เมื่อสักครู่ขึ้นรถไปด้วย หลังจากที่เป็นข่าวครึกโครมขึ้น ทางตำรวจเชื่อเหลือเกินว่าเจ้าตัวย่อมรู้ดีแก่ใจว่าได้เก็บทองของคนอื่นที่กำลังเป็นข่าวมา โดยชณะทางเจ้าหน้าที่รู้ทะเบียน รู้ชื่อสหกรณ์ของแท็กซี่คนสีส้มนั้นหมดแล้ว

ซึ่งต่อจากนี้คงหาตัวได้ไม่ยาก จะรอดูว่าจะให้ตำรวจตามไปจับหรือจะเอาทองมามอบให้พร้อมมอบตัว โดยงานนี้สร้างความโล่งใจให้กับนางไพรินทร์เป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านมาไม่ว่าตนจะพูดยังไงก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งไม่เชื่อในความบริสุทธ์ของตน

โดยตนรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นจำเลยของสังคมไปแล้ว โดยตอนแรกที่ตนบอกอะไรกับผู้สื่อข่าวไม่ได้มากนักเพราะตนไม่รู้จริงๆว่าในกระเป๋านั้นมีทองอยู่กี่บาท เพราะตนไม่เคยเปิดดูเลย โดยเจ้านายจะเขียนใส่กระดาษเอาไว้ให้คนรับได้ทราบเท่านั้น เพราะถ้าตนพูดไปมั่วๆแล้วความจริงออกมาภายหลังมันไม่ตรงกันก็จะยิ่งทำให้ตนนั้นยิ่งดูแย่ไปอีก ที่สำคัญที่สุดเธอต้องขอบคุณสิ่งเล็กๆที่เรียกว่า กล้องวงจรปิด ที่ช่วยให้ตำรวจพบคนเอาทองไปในครั้งนี้ได้นั่นเอง