ลูกสาวเปลี่ยนไป เมื่อไปเรียนที่ญี่ปุ่น

      ข่าวนี้ได้ถูกเปิดเผยจากผู้ปกครองชาวเวียตนามรายหนึ่งหลังจากเธอโพสต์คลิปลง TikTok และได้รับความสนใจจากชุมชนออนไลน์เป็นอย่างมากโดยเธอได้ออกมาเล่าว่า ความเศร้าของการไปโรงเรียนที่ญี่ปุ่น ซึ่งลูกของฉันเข้าโรงเรียนได้เพียง 2 เดือนก็ถูกแดดเผาแล้ว พร้อมด้วยการแนบภาพโคลสอัพของลูกสาวตัวน้อยๆ ซึ่งมีสีผิวที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด

โดยเฉพาะแขนและมือที่มีสีเข้มกว่าบริเวณอื่นๆ ในร่างกายอย่างมาก สิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายของลูกทำให้ผู้เป็นแม่ประหลาดใจ เธอแทบจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่านี่คือลูกสาวของเธอเหตุจากสีผิวที่เปลี่ยนไป โดยเป็นที่ทราบกันดีว่าสาเหตุที่ทำให้เด็กน้อยคนนี้ผิวคล้ำลงน่าจะเป็นเพราะในประเทศญี่ปุ่นนั้น เด็กๆมักจะได้รับอนุญาตให้ทำกิจกรรมกลางแจ้งมากมายอยู่บ่อยครั้ง

ดังนั้นเมื่อเรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่ออกมาจึงเป็นประเด็นพูดคุยเกี่ยวกับการศึกษาในต่างประเทศ โดยผู้ปกครองส่วนใหญ่เห็นอกเห็นใจเจ้าของโพสต์ แต่ก็สนับสนุนการศึกษาลักษณะเช่นนี้ในญี่ปุ่นด้วย เพราะการที่เด็กๆอยู่แต่ในห้องแอร์นั้นจะเป็นการยากสำหรับพวกเขาที่จะมีภูมิต้านทานที่ดี พ่อแม่ควรปล่อยให้ลูกได้ทำกิจกรรมนอกบ้านเพื่อจะได้ฝึกฝนทักษะต่างๆในชีวิตนั่นเอง

โดยมีแนวคิดว่ายิ่งเด็กได้ทำกิจกรรมดีๆกลางแจ้ง มากเท่าใด ภูมิต้านทานของร่างกายก็จะยิ่งสูงขึ้นมากเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่นในสหรัฐอเมริกาเด็กประถมและมัธยมมักจะออกไปข้างนอกหลังอาหารเย็นเสมอ ตั้งแต่เล่นฟุตบอลไปจนถึงวิ่งและกระโดด ซึ่งจะช่วยสังเคราะห์วิตามินดี และส่งผลดีต่อการเจริญเติบโตของเด็กๆด้วย จนมีคอมเม้นต์จากผู้ปกครองบางคนบอกว่า แม่ควรเลือกความสุขภาพดีและส่วนสูงของเด็ก ผิวขาวไม่สำคัญเท่ากับสุขภาพ ในขณะที่บางคนก็บอกว่า ฉันอาศัยอยู่ในสวีเดน ทุกๆวันลูกๆของฉันมีเวลาเรียนกลางแจ้ง 2-3 ชั่วโมง มีหลายวันที่ฉันไปรับลูกและจำลูกไม่ได้ด้วยซ้ำเพราะพวกเขาตัวดำสนิท แต่ฉันก็เข้าใจและไม่ได้ว่าอะไร เป็นต้น . . .

ผมเชื่อว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับค่านิยมผิวขาวของชาวเอเชียด้วยแน่ๆ