รับน้อง บังคับดื่มจนตาบอด-เดินไม่ได้

          เรื่องราวนี้เกิดขึ้นกับชายหนุ่มคนหนึ่งนามว่า แดนนี่ แซนทัลลี นักศึกษาหนุ่มจากมหาวิทยาลัยมิสซูรี และอดีตสมาชิกกลุ่มภราดรภาพ พาย แกมมา เดลตา ต้องสูญเสียสุขภาพร่างกายและอนาคตของเขาไปตลอดกาล เนื่องจากโดนรุ่นพี่ในกลุ่มบีบบังคับให้เขาดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากจนเป็นพิษต่อร่างกายระหว่างร่วมงานรับน้องของกลุ่มก่อนหน้านั้น ผลสืบเนื่องจากการดื่มมากเกินร่างกายจะรับไหว ทำให้สมองของเขาเสียหายและต้องกลายเป็นคนตาบอด เป็นใบ้ รวมทั้งไม่สามารถเดินได้เองอีกต่อไปอีกด้วย

โดยในวันศุกร์ที่ผ่านมานั้นนายไรอัน พี. ดีแลนที หนึ่งในกลุ่มนักศึกษาที่บังคับนายแดนนี่ แซนทัลลี ให้ดื่มเหล้า ได้ออกมายอมรับผิดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2564 และรับโทษจำคุก 6 เดือน จากการกระทำผิดของเขาในข้อหาจัดหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ผู้เยาว์และกลั่นแกล้งบุคคลอื่น ตามข้อเสนอของอัยการรัฐที่เรียกร้องให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน และกักบริเวณในบ้านอีก 6 เดือน หากจำเลยยอมรับสารภาพ โดยจะมีกำหนดการรับโทษจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม 2567 นี้เป็นต้นไป

โดยเหตุนั้นเกิดจากนายแดนนี่ แซนทัลลี โดนรุ่นพี่นักศึกษาบังคับให้ดื่มเหล้าวอดก้าขวดใหญ่ ขนาด 1.75 ลิตร หลังจากนั้นก็โดนบังคับให้ดื่มเบียร์ด้วยสายยางอีกเป็นจำนวนมากนับไม่ถ้วน โดยมีภาพจากคลิปวิดีโออันเป็นหลักฐาน ที่แสดงให้เห็นว่านายแดนนี่ แซนทัลลี ซึ่งเข้ามาเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ของมหาวิทยาลัย ถึงกับหมดสติไปหลังจากโดนบังคับให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากจนเกินร่างกายจะรับไหว ร่างของเขาแน่นิ่งอยู่บนโซฟาและผิวกายเริ่มเขียวคล้ำ

แต่กลับไม่มีใครสนใจจะเรียกรถพยาบาลมาให้ความช่วยเหลือเขาในขณะนั้น หลังจากนั้นอีกนาน ได้มีสมาชิกของกลุ่มภราดรภาพบางคนจึงเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติและรีบนำตัวนักศึกษารุ่นน้องขึ้นรถเพื่อไปส่งที่โรงพยาบาล แต่อาการป่วยของนายแดนนี่ แซนทัลลี ก็สาหัสมากแล้ว เพราะเขาหยุดหายใจไปนานมาก ซึ่งทำให้สมองของเขาเสียหายอย่างถาวรเกินกว่าจะเยียวยาได้ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของเขา ก็พบว่าชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายคนนี้มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดอยู่ที่ 0.486 เปอร์เซ็นต์ซึ่งมากเกินปริมาณที่จำกัดไว้ตามกฎหมายถึง 6 เท่า

โดยทางครอบครัวของนายแดนนี่ แซนทัลลี ยื่นฟ้องร้องคดีแพ่งต่อศาล โดยได้ระบุว่ากลุ่มภราดรภาพของมหาวิทยาลัยและสมาชิกกลุ่มทั้ง 23 คน เป็นจำเลย แม้ว่าจะมีการตกลงยอมความกันได้นอกศาลเมื่อปี 2565 แต่กลุ่มภราดรภาพดังกล่าวก็ปิดตัวลงอย่างถาวรในที่สุด