"ทนายรัชพล" พาเด็กวัย 14 ให้ปากคำ ปม "หมอเหรียญทอง" ทำร้าย-สั่งแก้ผ้า ขอพนง.แจ้ง 5 ข้อหาหนัก ทำนอกเหนือกฎหมาย
ทนายรัชพล ศิริสาคร พร้อม น.ส.กัลยา เย็นใจ มารดาและเด็กชายวัย 14 เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวน ที่ สน.ทุ่งสองห้อง ตามที่ตำรวจนัด หลังจากเด็กชายถูก นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ทำร้ายร่างกาย และจับเเก้ผ้าให้ออกจากโรงพยาบาล เนื่องจากสูบบุหรี่ในห้องน้ำชั้น 12 ของโรงพยาบาล โดยทนายรัชพล บอกว่า วันนี้ตนจะขอให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบในความผิดที่คู่กรณีได้กระทำต่อเด็กชายทั้งหมด 5 ข้อหา ได้เเก่ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนทำให้เป็นเหตุให้เกิดการทำร้ายจิตใจ, ยักยอกทรัพย์, ข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการใดหรือไม่กระทำการใดหรือทำให้เกรงกลัวอันตรายและเสรีภาพ, กักขังหน่วงเหนี่ยว และ กระทำอนาจาร โดยจะต้องรอตรวจสอบว่าพนักงานสอบสวนจะพิจารณาให้เข้าข่ายการกระทำความผิดทั้ง 5 ข้อหานี้หรือไม่
กรณีที่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลใช้อำนาจเกินขอบเขตในการดำเนินการกับผู้เสียหายในโรงพยาบาล เนื่องจากผู้เสียหายได้กระทำความผิดกับกฎของโรงพยาบาลนั้น ก็ควรต้องทำตามกฎหมาย ซึ่งกฎหมายก็มีบทลงโทษอยู่ ไม่ควรที่จะตัดสินหรือลงโทษเอง และไม่ใช่เห็นว่าผู้เสียหายมารักษาฟรีแล้วจะทำอะไรก็ได้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำนอกเหนือกฎหมาย ทั้งนี้ตนยอมรับว่าคู่กรณีมีความเป็นสุภาพบุรุษเพราะได้ออกมายอมรับกับสิ่งที่ได้ทำลงไป โดยตนยังไม่ได้ติดต่อกับคู่กรณีเพราะอีกฝ่ายไม่อยากเจรจา ในส่วนของการตรวจร่างกายนั้น ที่ทางแม่ของเด็กชายได้มีการพาไปตรวจมาแล้วเมื่อวาน ต้องรอผลตรวจอีกทีว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ร้ายแรงแค่ไหน
น.ส.กัลยา บอกว่า ขอโทษและยอมรับกับการที่ลูกตนไปสูบบุหรี่ในห้องน้ำจริง แต่สิ่งที่คู่กรณีทำกับลูกตนเกินกว่าเหตุ ซึ่งตนก็ไม่เคยกระทำกับลูกเช่นนี้มาก่อน และทางคู่กรณียังไม่ได้มีการติดต่อมาตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ แต่ก็ยืนยันหากว่ามีการขอโทษจากคู่กรณีหรือคืนทรัพย์สินและยกเลิกการจ่ายค่าปรับ ตนก็จะยังดำเนินเรื่องให้ถึงที่สุดอยู่เช่นเดิม ด้าน ด.ช.เอ เด็กชายผู้เสียหาย บอกว่า ตนยอมรับว่าตนไม่รู้ว่าการสูบบุหรี่ในโรงพยาบาลเป็นเรื่องที่ผิด ในส่วนที่คู่กรณีมีการออกมาโพสต์ว่าตนยกพวกไปขับรถจักรยานยนต์กลับมาก่อกวนที่โรงพยาบาลหลังเกิดเหตุ ยืนยันว่าตนไม่ได้ทำเช่นนั้น มีแต่ตนได้ขอความช่วยเหลือจากประชาชนแถวนั้นให้ติดต่อแม่ของตนให้มารับที่โรงพยาบาล โดยแม่ของตนได้นั่งรถแท็กซี่มารับตนพร้อมกับญาติของตน ไม่มีการยกพวกมาก่อกวนแต่อย่างใด แต่ตนที่ขอติดรถจากพลเมืองดีที่ตนขอความช่วยเหลือให้กลับมาดูแฟนที่ยังอยู่โรงพยาบาล ทั้งนี้ตนอยากฝากถึงคู่กรณีว่า มีสิทธิอะไรที่มากระทำเช่นนี้ ตนไม่เคยโดนโดนใครทำร้ายแบบนี้มาก่อน