สาวร้องสายไหมต้องรอด คลีนิกทำ "จิ๊มิไหม้" แล้วไม่รับผิดชอบ
คำว่าหนึ่งวันพันเรื่อง คำนี้ผมขอมอบให้กับ เพจสายไหมต้องรอด ด้วยความสมควรและเต็มใจอย่างยิ่ง จากแรกเริ่มเดิมทีก็แค่จะช่วยผู้ป่วยที่ติดโควิด 19 ให้ถึงมือหมดเท่านั้น จนบานปลายมาถึงแบบปัจจุบันนี้ได้ยังไงผมก็ยังงงอยู่ ต้องรับเรื่องที่มีเข้าแทบทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องไม้จิ้มฟันยันเรือไททานิกก้นทะเล ล่าสุดก็ได้รับการร้องทุกข์จากผู้หญิงรายหนึ่งซึ่งเธอกล่างอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
โดยเหตุเกิดจากการที่เธอต้องการกำจัดขนในที่ลับเลยเสาะหาคลีนิกที่จะไปทำแล้วเธอก็ได้เจอคลีนิกแห่งหนึ่งแถวๆรังสิต(ที่เป็นประเด็นด้วย)ทางเฟซบุค ซึ่งเธอดูแล้วว่ามีชื่อเสียงน่าจะเชื่อถือได้ เลยสอบถามรายละเอียดไปและได้ความมาว่าการกำจัดขนในที่ลับโดยเลเซอร์นั้นคิดค่าบริการครั้งละ 2000 บาท เธอก็ตกลงไปใช้บริการครั้งแรกในวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา
ขณะที่นอนรอรับบริการอยู่นั้นเธอได้สังเกตเห็นคนที่จะมาทำเลเซอร์ให้เธอว่าแต่งตัวแบบไปรเวทไม่ได้ใส่ชุดเหมือนแพทย์แบบคลีนิกทั่วไปแต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร จนเธอได้รับบริการ ขณะที่ทำเธอก็รู้สึกเจ็บมากหลังจากกลับมาบ้านพบว่าบริเวณนั้นมีรอยไหม้ พอเอาผ้าขนหนูซับน้ำจากตุ่มพองปรากฏว่าผิวหนังเปื่อยยุ่ยติดออกมาด้วย เธอเจ็บปวดจนต้องไปซื้อยาแก้ปวดมากินและไปหาหมอซึ่งหมดเงินเป็นหมื่น
เธอเลยไปตืดต่อทางคลีนิกเพื่อขอให้รับผิดชอบซึ่งตอนแรกทางคลีนิกก็ตอบตกลง พอเธอรักษาจนได้ที่เอาใบเสร็จไปเรียกเก็บเงินจากคลีนิกเป็นจำนวนสี่หมื่นกว่าบาท แต่คราวนี้ทางคลีนิกปฏิเสธความรับผิดชอบและขอคืนเงินเพียงแค่ 2000 บาทให้จากค่าทำเลเซอร์ ซึ่งเธอเห็นว่าไม่เป็นธรรมเลยออกมาร้องเรียนกับเพจสายไหมต้องรอดเพื่อไม่ให้คลีนิกนี้ลอยนวลไปได้เฉยๆ และเธอยังบอกอีกว่าโรงพยาบาลที่เธอไปรักษาตัวนั้นอยู่ตรงข้ามกับคลีนิก แต่ทางคลีนิกไม่แม้แต่จะมาเยี่ยมหรือมาขอโทษเธอเลยแม้แต่น้อย