"พึงระวังยุทธสงคราม" คำทำนายเวลาการมาของนางมโหธรเทวี สงกรานต์2567

นางสงกรานต์ 2567 นามว่า “นางมโหธรเทวี" ตามการประกาศสงกรานต์ ปีพุทธศักราช 2567 จากฝ่ายโหรพราหมณ์ กองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง ว่า

"ปีมะโรง (เทวดาผู้ชาย ธาตุทอง) ฉอศก จุลศักราช 1386 ทางจันทรคติ เป็น ปกติ มาสวาร ทางสุริยคติ เป็น อธิกสุรทิน วันที่ 13 เมษายน เป็น วันมหาสงกรานต์ ทางจันทรคติตรงกับวันเสาร์ ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 เวลา 22 นาฬิกา 24 นาที"

นางสงกรานต์ ทรงนามว่า มโหธรเทวี

ทรงพาหุรัดทัดดอกสามหาว อาภรณ์แก้วนิลรัตน์ ภักษาหารเนื้อทราย พระหัตถ์ขวาทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายทรงตรีศูล เสด็จไสยาสน์ลืมเนตรมาเหนือหลังมยุรา (นกยูง) เป็นพาหนะ ซึ่งเป็นนางสงกรานต์ประจำวันเสาร์

โดยปีนี้กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ได้แต่งตั้งนางสาวแอนโทเนีย โพซิ้ว รองนางงามจักรวาลอันดับ 1 ประจำปี 2023 เป็น “นางมโหธรเทวี” นางสงกรานต์ ประจำปีพุทธศักราช 2567

สำหรับคำทำนายนางสงกรานต์ปี 2567 ว่าเกณฑ์พิรุณศาสตร์ ปีนี้ อังคารเป็นอธิบดีฝน บันดาลให้ฝนตก 300 ห่า ,ตกในเขาจักรวาล 120 ห่า ตกในป่าหิมพานต์ 90 ห่า ตกในมหาสมุทร 60 ห่า ตกในโลกมนุษย์ 30 ห่า

เกณฑ์ธาราธิคุณ ตกราศีตุล ชื่อวาโย (ธาตุลม) น้ำพอประมาณ พายุจัด ,เกณฑ์นาคราชให้น้ำ ปีนี้ นาคราชให้น้ำ 7 ตัว ทำนายว่า ฝนแล้ง ,เกณฑ์ธัญญาหารชื่อ วิบัติ ข้าวกล้าในไร่นา จะเกิดกิมิชาติ คือ มีด้วงและแมลงรบกวน ข้าวกล้า จะได้ผล 1 ส่วน เสีย 5 ส่วน บ้านเมืองจะเกิดยุทธสงคราม จะฆ่าฟันกัน จะนิราชจากกัน จะฉิบหายเป็นอันมากแลฯ 💦

จากข้อความดังกล่าวจะเริ่มเห็นแล้วว่า สงครามที่กล่าวไว้ในคำทำนายเริ่มแล้ว แต่เป็นสงครามจิตวิทยา และสงครามคียบอร์ดบนโลกออนไลน์ ระหว่าง 3 ประเทศ คือ ไทย กัมพูชา และเมียนมาร์ ที่อ้างและพาดพิงถึงเทศกาลผู้อื่นอย่างจงใจของบุคคล รวมถึงผู้นำทางการเมืองของประเทศข้างเคียงของไทยที่ตั้งหน้าตั้งตาออกมาเคลมว่าเทศกาลสาดน้ำปีใหม่นี้คือตนเองต่างหากที่เก่าแก่ที่สุด หาใช่ไทย!

✦ เริ่มจากที่ไทย ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (intangible cultural heritage: ICH) โดย UNESCO ทำให้สองประเทศข้างๆ รู้สึกไม่พอใจที่ไทยขึ้นทะเบียนได้ก่อน เพราะคิดไปเองว่าประเทศต้นเองนี่แหล่ะที่เก่าแก่กว่า!

♦ โดยทางฝั่งเมียนมาร์ก็งัดหลักฐานการสาดน้ำในเทศกาลตะจาน (Thingyan: သင်္ကြန်) มาตั้งแต่ก่อนยุคล่าอาณานิคม รวมถึงกำลังดำเนินการยื่นทะเบียนต่อ UNESCO เช่นเดียวกัน ให้ได้ภายในปี 2568 

นอกจากนั้นก็ยังมีเหล่าเกรียนคีย์บอร์ดจากเมียนมาร์ รวมมือกับประเทศกัมพูชา ถล่มคอมเม้นต์และเผยแพร่โพสต่างๆ ที่บลัฟสงกรานต์ไทยเพื่อเคลมความออริจินอลตามประสาคนอิจฉาตาร้อน!

-----

♦ ฝั่งกัมพูชาก็คงไม่ต้องกล่าวอะไรมาก เพราะเจ้านี้ตั้งแต่ผู้นำ ยันประชาชน นโยบายเคลมวัฒนธรรมไทยโดยอ้างว่าอาณาจักรขอมโบราณคือต้นกำเนิดวัฒนธรรมแถบนี้ คือสิ่งที่ชอบธรรมสำหรับการเคลมอย่างไร้ยางอายมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว. 

โดยล่าสุดเปลี่ยนชื่อจากเทศกาล โจลชนัมทเมย (ចូលឆ្នាំថ្មី : Chaul Chnam Thmey)  มาเป็น สังกรานติ (Sangkranti) และล่าสุดเปลี่ยนมาเป็น สงกรานต์ เหมือนไทยเป๊ะๆ ในปีนี้ แบบไม่แคร์ใคร

โดยหวังว่าจะยื่นจดทะเบียนต่อ UNESCO เช่นเดียวกัน ในนาม "สงกรานต์ในกัมพูชา"

ทำให้ทุกวันนี้คนไทยตาสว่าง เพราะแม้กระทั่งคนพม่าที่คนไทยเคยคิดว่าเป็นเพื่อนบ้านที่ดี ก็มีรอยด่างในความสัมพันธ์เพราะการอยากมีชื่อเสียงมากกว่าไทย อาจจะทั้งอิจฉาที่ไทยเป็นประเทศประชาธิปไตยที่สงบสุข มีความเจริิญก้าวหน้าตามอัตภาพ ไม่มีสงครามวุ่นวายเช่นเดียวกับเมียนมาร์

ส่วนคนเขมรกัมพูชา สำหรับสายตาคนไทยก็เป็น "หอกข้างแคร่" มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ที่หากพลั้งเผลอเมื่อไหร่การที่จะถูกแทงข้างหลังจากชนชาตินี้เป็นที่สังวรณ์ให้กับคนไทยมาทุกยุค

แม้ว่าจะมีรัฐบาลชุดปัจจุบันที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งชนิดที่ว่าแลกเปลี่ยน DNA ด้วยการแต่งงานข้ามชาติของตระกูลนักการเมืองดังทั้งสองชาติ แต่ก็ไม่วายที่ผู้นำชาติเขมรจะยังคงป่าวประกาศว่าไทยคือศัตรูอันดับ1 อยู่เนืองๆ โดยที่ผู้นำรัฐบาลไทยยังคงทำทีท่าปิดตาข้างนึง ให้คนไทยหงุดหงิดอยู่บ่อยครั้ง.

♦ แต่ด้วยผลงานการส่งเสริมด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวที่เด่นชัด ของกระทรวงวัฒนธรรมและ ททท. ก็ทำให้คนไทยรู้สึกดีมากกว่าผลงานการตอบโต้เขมรของรัฐบาลไปได้เปาะนึง 

-----

พึงระวังยุทธสงคราม ในที่นี้จึงหมายถึงการทำสงครามสื่อระหว่าง3 ประเทศ และสมรภูมิแรกเรื่อง "สงกรานต์" ไทยชนะแบบไม่ต้องทำอะไรเองมากมาย

"เพราะตอนนี้เหล่าyoutuber และนักข่าวทั่วโลกได้ยกย่องให้ สงกรานต์ในประเทศไทย เป็นอับดับ1 ในใจ ของเทศกาลที่สนุกที่สุดบนโลก" อย่างที่ใครก็ไม่อาจจะตามทัน...

 บทวิเคราะห์ โดย อ้างเติ่ง (คนหล่อ)