ผลกระทบจากปรากฏการณ์เอญญีโญ เกษตรกรสุดเศร้าทำต้นทุเรียนตายยกสวน
ผลกระทบจากปรากฏการณ์เอญญีโญ เกษตรกรสุดเศร้าทำต้นทุเรียนตายยกสวน
แม่หมวยหรือนางปณิตา เจ้าของสวนทุเรียนจังหวัดตรังเล่าว่าตนได้ลงทุนปลูกทุเรียนมาได้ 6 ปีแล้วแต่กลับมายืนต้นตายเพราะภัยแล้งหมดปัญญาหาแหล่งน้ำมาช่วยฟื้นฟูสภาพต้นทุเรียนภายในสวนให้กลับมามีชีวิต
ผลกระทบจากสภาวะฝนแล้งที่ต่อเนื่องมานานหลายเดือน ผนวกกับอากาศที่ร้อนจัดได้ส่งผลต่อพื้นที่การเกษตรกรหลายแห่งของจังหวัดตรังทั่วทั้งจังหวัด รวมทั้งสวนทุเรียนซึ่งกำลังประสบปัญหาขาดน้ำแห้งตาย
สวนทุเรียนของแม่หมวยก็เป็นหนึ่งในนั้น เธอได้เล่าว่าตนเองได้ปลูกทุเรียนไว้ในพื้นที่ข้างบ้าน 7 ไร่ จำนวน 193 ต้น เป็นทุเรียนสายพันธุ์หมอนทองและสายพันธุ์มูซังคิง ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ใช้เงินลงทุนไปแล้วหลายแสนบาท
ตลอดระยะเวลาการปลูกมา 6 ปี ตนเองได้ดูแลต้นทุเรียนเหล่านี้เป็นอย่างดี จนกระทั่งสามีของเธอได้เสียชีวิตลง ได้ปีกว่าทำให้ไม่มีคนช่วยดูแลสวน แต่เธอไม่ย่อท้อได้ต่อสู้จนทุเรียนเริ่มออกดอกในปีที่แล้ว แต่โชคไม่ช่วยเพราะถูกลมพายุพัดจนลูกร่วงไปหมด
กระทั่งในปีนี้เธอหวังว่าทุเรียนจะออกดอกออกลูกเต็มต้น พร้อมทั้งคาดฝันว่าทุเรียน 1 ต้น จะได้เม็ดเงินประมาณ 5,000 บาท หรือรวมทั้งหมดไม่น้อยกว่า 900,000 บาท แต่ทุกอย่างก็มาล่มสลายไปในพริบตา
เมื่อทุเรียนตายหมดยกสวนจากภัยแล้งแม่หมวย หรือนางปณิตา เล่าทั้งน้ำตาว่า ตั้งแต่ลงมือทำสวนทุเรียนได้พยายามสร้างแหล่งน้ำไว้รองรับหลายรูปแบบ ซึ่งก็เพียงพอต่อการนำมารดต้นไม้อย่างเพียงพอ
กระทั่งปีที่แล้วเห็นว่าสภาพอากาศเริ่มแล้งมากขึ้น เลยว่าจ้างรถมาขุดบาดาลถึง 2 ครั้ง และสามารถเจาะลงไปในดินได้ลึกถึง 60 เมตร แต่ปรากฏว่ายังไม่มีเจอน้ำสักหยด จนกระทั่งเมื่อมาเจอกับภัยแล้งที่ยาวนานเช่นในปีนี้ ทำให้ไม่เหลือน้ำที่จะใช้รดทุเรียน พวกมันจึงค่อยๆ ทยอยกันตายไปทีละต้น จนหมดทั้งสวนในที่สุด สูญเสียทั้งเม็ดเงินก้อนโตและอาชีพที่ตนเองใฝ่ฝันจะทำให้สำเร็จ