นักวิชาการกฎหมาย ชี้ ตำรวจคนนี้ไม่ธรรมดา เพราะใช้ช่องโหว่โดยไม่ได้ใช้กฎหมายตาม พรบ.อุ้มหาย
"" _____ #ตำรวจท่านนี้ไม่ธรรมดา เพราะเหตุว่ารู้ช่องโหว่ของกฎหมายด้วย กล่าวคือ ตาม พระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปราม การทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 #มาตรา_22 บอกว่า ในการควบคุมตัวนั้นจะต้องมีการบันทึกภาพ และเสียงไว้ด้วย #และต้องบันทึกไว้ด้วยการควบคุมตัว
แต่ตำรวจท่านนี้ บอกว่า ไม่ได้บันทึกภาพและเสียงไว้ #เพราะยังไม่ใช่ผู้ต้องหาและเป็นการเชิญตัวมาเพื่อการสืบสวนเท่านั้น ยังไม่ใช่การสอบสวนหรือสืบสวนในฐานะของผู้ต้องหา #ส่วนที่บันทึกไว้ก็เป็นการบันทึกแบบไม่ปะติดปะต่อ (เลือกบันทึก)
#เรื่องนี้เป็นช่องโหว่ในการตีความกฎหมาย โดยไปตีความคำว่า ""ในการควบคุมตัว"" ว่า ต้องมีลักษณะทำนองเดียวกับการจับกุม หรือการควบคุมตัวภายหลังจากมีการแจ้งข้อหา #ในบรรดาตำรวจทั้งหลายจึงเห็นว่า ถ้าเป็นการสืบสวนหรือสอบสวนหรือสอบถามหรือซักถาม ก่อนที่จะมีการแจ้งข้อหา หรือไม่ใช่กรณีการจับตัว หรือจับตามหมายจับ ก็จะไม่ต้องบันทึกภาพและเสียง
ดังนั้น จึงทำให้เหตุการณ์บางช่วงเวลา ไม่ต้องมีการปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปราม การทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 #โดยเฉพาะถ้าเป็นการเชิญตัวมาสอบสวนก่อนที่จะแจ้งข้อหา ซึ่งหากมีการซ้อม หรือบังคับให้รับสารภาพในช่วงเวลานี้ ก็จะไม่มีพยานหลักฐานที่เป็นภาพจากการบันทึกภาพและเสียง #และตำรวจก็จะไม่ถูกบังคับให้ต้องบันทึกภาพและเสียงในช่วงเวลานี้
ฉะนั้น คดีตามข่าวนี้ จึงเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า พระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปราม การทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 #ยังมีช่องโหว่อยู่มาก ถ้าจะมีตำรวจคนใดใช้ช่องโหว่ตรงนี้กระทำสิ่งที่ผิดกฎหมายหรือบังคับให้รับสารภาพ ด้วยิวธีการต่างๆนาๆ #กฎหมายก็แทบจะช่วยเหลืออะไรบุคคลที่ถูกกระทำไม่ได้เลย เพราะไม่มีหลักฐาน คดีนี้ถ้าไม่ได้กำลังของสือมวลชล ลุงเปี๊ยกก็น่าจะต้องเป็นจำเลยในคดีไปจนศาลพิพากษาแน่นอน
ความจริงอยากให้ตำรวจทุกคน #มีความคิดว่าจะต้องมีการบันทึกภาพและเสียงเอาไว้ทุกครั้ง แม้จะเป็นเพียงการเชิญมาสืบสวนสอบสวนก็ตาม เพราะเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจและเป็นการแสดงถึงการทำงานที่โปร่งใสด้วย #ไม่ใช่มัวแต่หาช่องโหว่ของกฎหมายเพื่อที่จะไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย _____""
#คดีโลกคดีธรรม
อ้างอิงจาก: fb กลุ่ม คดีโลก คดีธรรม