นักวิชาการกฎหมาย เตือน หากใครวิจารณ์คดีลุงพลในทางเสียหายก็อาจถูกฟ้องคดีหมิ่นประมาทได้
""_____ คดีของลุงพลนั้น #แม้ว่าศาลชั้นต้นจะได้พิพากษาจำคุกแล้วก็ตาม แต่ก็ถือว่า ""#คดียังไม่ถึงที่สุด"" อีกทั้งคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเอง ก็ยังมีความเห็นแย้งของผู้พิพากษาหัวหน้าศาลและอธิบดีผู้พิพากษาฯด้วย และยังได้ความว่า ลุงพลยังใช้สิทธิในการอุทธรณ์คำพิพากษาขอศาลตามสิทธิต่อไป
จึงเข้ากับหลักเกณฑ์ของ #รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย_2560 มาตรา 29 วรรคสอง ซึ่งบัญญัติว่า
"" ..... ในคดีอาญา ในสันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดกระทำความผิด #จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้ .....""
โดยศักดิ์ของกฎหมายแล้ว จะถือกันว่า รัฐธรรมนูญฯ #มีศักดิ์สูงกว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ฉะนั้น #ในทางนิติวิธี บุคคลใดๆ จะอ้างคำพิพากษาของศาลชั้นต้น #แล้วไปวิพากษ์วิจารณ์จำเลยในลักษณะที่ทำเสมือนกับว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดแล้วนั้น ไม่อาจะทำได้
ดังนั้น คำพิพากษาของศาลชั้นต้นในคดีลุงพล #จึงเป็นเพียงคำพิพากษาของศาลซึ่งยังไม่ถึงที่สุด จึงไม่อาจจะวิพากษ์วิจารณ์ลุงพลในลักษณะทำให้เสียหายไม่ได้ #และการวิพากษ์วิจารณ์จะต้องวิพากษ์วิจารณ์ให้เป็นไปตามคำพิพากษาและมีลักษณะในทางวิชาการ ถ้าวิพากษ์วิจารณ์ในลักษณะที่ไม่มีอยู่ในคำพิพากษา หรือบิดข้อเท็จจริงหรือไม่วิจารณ์ตามหลักวิชา #ก็จะถือว่าไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิโดยสุจริต ทำให้อาจจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาได้ ตาม มาตรา 329 (3) (4) ของ ประมวลกฎหมายอาญา
ดู คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 10511/2555 วินิจฉัยว่า
"" แม้ว่าจำเลยจะเป็นฝ่ายชนะคดีก็ตาม แต่การที่จำเลยนำคำพิพากษาของศาลที่จำเลยชนะคดี มาทำการเขียนข้อความเพิมเติมซึ่งข้อความดังกล่าวไม่ใช่ข้อเท็จจริง หรือรายละเอียดในคดี และมีการกล่าวถึงบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีด้วย แล้วนำคำพิพากษาพร้อมกับข้อความที่จำลยเขียนเพิ่มเติมไปปิดไว้ที่ร้านค้าของจำเลย ซึ่งอยู่ในตลาดมีประชาชนผ่านไปมาจำนวนมาก #การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา แม้จะมีเจตนาเพื่อให้โจทก์ชำระหนี้ตามคำพิพากษาก็ตาม แต่การกระทำของจำเลยก็ไม่ใช่การใช้สิทธิโดยสุจริต.....""
นี่ขนาดว่า คู่ความเขาทำเองก็ยังเข้าข่ายเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท และแม้จะเป็นเพียงแค่คดีแพ่งซึ่งไม่ร้ายแรงและส่งผลกระทบเท่ากับคดีอาญาก็ยังอ้างเรื่องสุจริตได้ยากเลย และแม้ว่าจะมีเจตนาเพื่อให้มีการชำระหนี้ตามคำพิพากษาก็ยังไม่ได้เลย #เพราะถือว่าจำเลยมีหนทางอื่นๆในการบังคับเพื่อให้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้อยู่แล้ว ไม่จำต้องมากระทำเช่นนี้แต่อย่างใด
และในการตีความ มาตรา 29 วรรคสอง ของ รัฐธรรมนูญฯนั้น ถ้ามีประเด็นการใช้สิทธิหรืออ้างสิทธิตามกฎหมายดังกล่าว ศาลยุติธรรมก็จะตีความในลักษณะ ""#เคร่งครัดและให้เป็นประโยชน์แก่จำเลย"" อันตรงกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฯ
(เทียบ คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 1497/2543)
ฉะนั้น #ท่านทั้งหลายที่วิพากษ์วิจารณ์คดีลุงพล โดยมีลักษณะใส่ความเห็นส่วนตัว หรือยืนยันข้อเท็จจริง หรือทำให้คนทั่วไปเข้าใจในคำพิพากษาของศาลผิดไป อันเป็นเหตุทำให้ลุงพลได้รับความเสียหายนั้น #ก็เข้าข่ายเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาทั้งสิ้น มีโอกาสถูกดำเนินคดีทางอาญาได้นะครับ เรื่องนี้ต้องระมัดระวังตัวเอง #จะวิพากษ์วิจารณ์เอาแต่ความันอย่างเดียวคงไม่ได้ _____""
#คดีโลกคดีธรรม
อ้างอิงจาก: fb กลุ่ม คดีโลก คดีธรรม