เอาจริง!! กมธ.ตำรวจ ลั่น! ไม่กลัวโดนฟ้อง..เตรียมบุก รพ.ตำรวจ สอบปมทักษิณ
หลังจากที่นายสมศักดิ์ได้ออกมาขู่ว่า ใครก็ตามที่คิดจะบุกชั้น 14 รพ.ตำรวจ นั้น ขอให้ระวังตัวเอาไว้ เพราะจะโดนฟ้องแบบไม่รู้ตัว งานนี้ทำเอาทาง กมธ.ตำรวจ ได้ออกมาสวนกลับอย่างทันควัน ลั่น! ไม่กลัว จะขอเดินหน้าบุก รพ.ตำรวจ เพื่อตรวจสอบ ‘ทักษิณ’ ว่าป่วยจริงหรือไม่ ยันทำตามกฎหมายทุกอย่าง ตรงไปตรงมา ทำให้รอดพ้นโทษ
เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.66 ที่ผ่านมา ทางด้าน "นายชัยชนะ เดชเดโช" ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.)การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ได้ออกมากล่าวถึง กรณีที่ "นายสมศักดิ์ เทพสุทิน" รองนายกรัฐมนตรี ได้ระบุว่า หาก กมธ.ตำรวจ จะไปศึกษาดูงานที่ รพ.ตำรวจ ในเรื่องวิธีการ ขั้นตอน และมาตราการดูแลผู้ต้องขังเข้ากรณีเข้ารับรักษาตัว รวมไปถึงเรื่องของ "นายทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ ว่า มีอาการป่วยจริงอย่างไร ก็ต้องระวังตัวว่าจะถูกฟ้อง รวมถึง "นายวิญญัติ ชาติมนตรี" ทนายความประจำตัวนายทักษิณ ที่ได้ออกมาประกาศว่า จะดำเนินการฟ้องร้องคนที่ต้องการให้เปิดเผยข้อเท็จจริงถึงอาการป่วยของนายทักษิณว่า ตนเห็นว่า ทั้งสองกรณีนั้น ต่างก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ ต้องการที่จะปกป้องสุดชีวิต และปกปิดไม่ให้สาธารณชนได้รับรู้ โดยจะให้เข้าใจเอาเองว่า นายทักษิณยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และได้กลายเป็นชุดความคิดที่จะทำการสะกดจิตคนไทยทั้งประเทศ
นายชัยชนะ ได้กล่าวว่า การที่ทาง กมธ.ตำรวจ จะขอเดินทางไปดูงานที่ รพ.ตำรวจ ก็เพื่อสอบถามถึงมาตรฐานการรักษาพยาบาลของผู้ต้องขัง และเพื่อสอบสวนหาข้อเท็จจริงให้กับคนไทยในวันที่ 12 มกราคม 2567 นั้น ถือว่าเป็นการทำหน้าที่แทนปวงชนชาวไทย ที่ได้รับเลือกมาตามระบอบประชาธิปไตย และรัฐธรรมนูญฯมาตรา 129 ก็ได้รับรองการกระทำของคณะกรรมาธิการแต่ละชุด ในการสอบหาข้อเท็จจริง
นายชัยชนะ ยังกล่าวต่ออีกว่า ตนขอยืนยันว่า ทาง กมธ.ตำรวจ มีอำนาจหน้าที่อย่างถูกต้องในการดำเนินการดังกล่าว แต่ตนก็ต้องขอบคุณทั้งนายสมศักดิ์ และนายวิญญัติ ในความปรารถนาดี ที่เป็นห่วง และกลัวว่า กมธ.ตำรวจ และประชาชนที่ต้องการทราบข้อเท็จจริง จะกระทำผิดกฎหมายนั้น แต่ตนเชื่อว่า หากกระทำการโดยอาศัยอำนาจที่มีตามกฎหมายอย่างซื่อสัตย์สุจริต และตรงไปตรงมาแล้ว ก็จะมีกฎหมายและข้อเท็จจริงมาคอยคุ้มครองบุคคลเหล่านั้น ให้รอดจากภยันตราย และโทษทางกฎหมาย แต่หากรู้ทั้งรู้ว่า ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายนั้นเป็นอย่างไร แต่ยังมาดันทุรัง เพื่อที่จะช่วยเหลือให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งมีสิทธิมากกว่าคนอื่นๆ จนกลายเป็นคนไม่เท่ากันแล้ว นอกจากจะทำให้เกิดความไม่สบายใจกับตนเองแล้ว ก็ยังจะทำให้ส่วนรวมนั้นขาดความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของไทยอีกด้วย
“ผมไม่ได้แปลกใจที่ทั้งนายสมศักดิ์ และนายวิญญัติ จะใช้วิธีการฟ้องปิดปากกับทาง กมธฯ และประชาชนที่ต้องการทราบว่า นายทักษิณ อยู่ที่ไหน และทำไมยังรักษาตัวไม่หาย ผมคิดว่า บุคคลทั้งสอง ควรจะคำนึงถึงประเด็นสงสัยของประชาชนขณะนี้ มีหลายข้อสงสัยที่ทาง กมธ.ฯ จะต้องหาคำตอบให้ได้ เช่น ตกลงแล้วนายทักษิณป่วยหนักจริงหรือไม่ ทำไมได้เอกสิทธิ์ และอภิสิทธิ์เหนือนักโทษคนอื่น ตกลงแล้วนายทักษิณจะได้กลับเข้าไปเรือนจำ เพื่อชดใช้ความผิดหรือไม่ เป็นต้น“ นายชัยชนะ กล่าว
ประธาน กมธ.ตำรวจ ยังกล่าวต่ออีกว่า การที่ตนและ กมธ.ฯ จะมีกำหนดการดูงาน และสอบหาข้อเท็จจริง ที่โรงพยาบาลตำรวจ ในวันที่ 12 มกราคม 2567 นั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการทำหนังสือถึงทางกรมราชฑัณฑ์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)
นายชัยชนะ ได้กล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ว่า ก็ถือว่าเป็นการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมายก็ได้ให้อำนาจไว้ ไม่ได้กระทำการเกินเลยแต่อย่างใด ซึ่งเป็นหน้าที่ของ รพ.ตำรวจ และทางกรมราชทัณฑ์เองว่า จะตอบรับให้ทาง กมธ.ฯ เข้าไปดูงาน และตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือไม่ เพราะถ้าไม่อนุญาต ทาง รพ.ตำรวจ กรมราชฑัณฑ์ และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก็ต้องออกมาตอบคำถามกับสังคมให้ได้ โดยเฉพาะในประเด็นข้อสงสัยของประชาชน