"แพรรี่" สอนธรรมะให้ "น้องไนซ์"..ลั่น! ไม่ใช่พูดส่งเดช
งานนี้เห็นทีต้องถึงมือศิษย์พี่ออกโรง ได้ออกมาอธิบายให้ศิษย์หลานเข้าใจว่า เพราะเหตุใดพระพุทธเจ้าถีงได้สอนธรรมะคนเป็นร้อยเป็นพันได้ โดยไม่ต้องใช้ไมโครโฟน เผยต้องเข้าใจให้แน่ชัด ในเรื่องการสอนธรรมของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่เอ๊ะอ๊ะอะไรก็พูดส่งเดช
จากกรณีที่ “น้องไนซ์ นิรมิตเทวาจุติ” เด็กชายวัยเพียง 8 ขวบ ได้อ้างว่า ตนเป็นร่างอวตารขององค์เพชรภัทรนาคานาคราช สามารถที่จะเชื่อมจิตได้ สามารถที่จะหยั่งรู้เรื่องราวต่างๆ ทั้งในอดีตและอนาคตได้ แค่เพียงเห็นแววตาคนๆ นั้น ก็จะรู้ได้ว่าใครมีกรรม หรือเคยเป็นนางฟ้าเทวดากลับชาติมาเกิดบ้าง โดยตอนนี้ก็มีลูกศิษย์หลายพันคนเลยทีเดียว
ต่อมาทางน้องไนซ์ ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “พระพุทธเจ้าในสมัยที่ท่านสอนธรรมะ บางคนบอกว่า ไม่มีการเชื่อมจิต แต่ที่จริงแล้วมีการเชื่อมจิตครับ คือ การสอนในสมาธิครับ ในยุคนั้นไม่มีไมโครโฟน คนมาฟังท่านเป็นร้อยเป็นพันคน ถ้าท่านไม่สอนในจิต เขาจะได้ยินยังไง คิดกันบ้างสิครับ”
และเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.66 ทาง "แพรรี่" หรือ ไพรวัลย์ วรรณบุตร อดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง ก็ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กผ่านบัญชีส่วนตัว เพื่ออธิบายถึงกรณีนี้เอาไว้ว่า พระพุทธเจ้าสอนคนเป็น 100 เป็น 1,000 ได้ยังไง?
ในประเด็นเรื่องที่ว่า พระพุทธเจ้าทรงสอนธรรมได้อย่างไร ในกรณีที่มีคนฟังอยู่เป็นร้อยเป็นพัน ท่านได้เชื่อมจิตไปสอนในสมาธิแบบที่มีคนได้กล่าวอ้างหรือไม่ ดิฉันจะขอตอบให้แบบสั้นๆ นะคะ
เรื่องนี้ถ้าคนที่เคยศึกษาคัมภีร์ทางศาสนามาบ้าง จะเข้าใจได้ไม่ยากเลยค่ะ มีหลายที่ในพระสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสชมภิกษุบริษัทของท่านว่า มีกิริยาอาการงดงาม มีความเคารพเป็นอย่างดีทั้งในตัวท่าน และในพระธรรมที่ท่านเทศนาสั่งสอน
ในสมัยพุทธกาล เวลาที่ภิกษุบริษัทท่านอยู่ในธรรมสภานะคะ และท่านเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จมา ทุกรูปจะต้องพร้อมใจกันเงียบเสียงค่ะ นี่ในพระสูตร และอรรถกถากล่าวตรงกันเลย เป็นเรื่องของพุทธคารวตา และธรรมคารวตา (คือการแสดงความเคารพต่อพระพุทธเจ้าและพระธรรม)
ในพระสูตรกล่าวถึงขนาดว่า แม้แต่เสียงจามและเสียงไอยังไม่มีเลยนะคะ ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงว่า พวกภิกษุบริษัทเหล่านั้นจะพากันสนทนา หรือพูดคุยเรื่องอื่นใดๆ ต่อหน้าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านตรัสเปรียบด้วยว่า ถ้าท่านเงียบอยู่อย่างนั้นตลอดกัป ภิกษุบริษัทก็จะพากันเงียบอยู่อย่างนั้น จะไม่มีภิกษุรูปใดรูปหนึ่งกล้ายกเรื่องอื่นขึ้นพูดก่อนที่พระองค์จะแสดงธรรม นี่เป็นเรื่องของมารยาทและอาจาระของภิกษุในสมัยพุทธกาลนะคะ
เรื่องนี้ ทางพระเจ้าอชาตศัตรูก็ได้เคยพูดถึงไว้อย่างอัศจรรย์พระทัย เมื่อคราวที่หมอชีวกโกมารภัจจ์พาพระองค์ไปเฝ้าพระพุทธเจ้าครั้งแรกที่อัมพวัน คือที่อัมพวันเนี่ย พระพุทธเจ้าประทับอยู่กับภิกษุ 1,250 รูป แต่พอพระเจ้าอชาตศัตรูไปถึงกลับเหมือนวัดร้าง คือ มันไม่มีเสียงเจี๊ยวจ๊าว หรือเสียงพูดคุยกันของภิกษุในอัมพวันนั้นเลย ความเงียบที่ว่านี้ ถึงกับทำให้พระองค์สงสัยว่า ตัวเองกำลังถูกลวงมาลอบปลงพระชนม์นะคะ อันนี้ก็เป็นเรื่องของอาจาระ และวัตรปฏิบัติในการอยู่อย่างสมณะในสมัยพุทธกาลค่ะ ไม่ใช่เรื่องของความวิเศษอะไรเลย
ถ้าใครศึกษาคัมภีร์ทางศาสนามาบ้าง จะทราบดีว่าพระพุทธเจ้าตำหนิการอยู่แบบคลุกคลีตีโมง (การเผยแผ่ศาสนาในยุคแรกจึงห้ามการไปทางเดียวกัน 2 รูปไงคะ)
นอกจากพระเจ้าอชาตศัตรู ก็ยังมีพระเจ้าปเสนทิโกศลอีกพระองค์หนึ่งนะคะ ที่อัศจรรย์พระทัยกับอากัปกิริยาของภิกษุบริษัทของพระพุทธเจ้า อย่างที่เคยตรัสถึงเหตุที่ทำให้พระองค์มีความเคารพศรัทธาอย่างมากเหลือเกินในพระพุทธเจ้า และพระธรรมว่าสมัยใด ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรมแก่บริษัททั้งหลายอยู่ ในบริษัทนั้นสาวกทั้งหลายของพระผู้มีพระภาคเจ้า จะไม่มีเสียงจามหรือเสียงไอเลย เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์มาก ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงฝึกพระสาวกได้ดีแล้วอย่างนี้ โดยไม่ต้องใช้อาชญา โดยไม่ต้องใช้ศาสตรา ข้าพระพุทธเจ้าไม่ทรงเคยได้เห็นบริษัทอื่นที่ฝึกได้ดีอย่างนี้ นอกจากบริษัทในพระธรรมวินัยนี้ คือ แม้แต่พระองค์เองซึ่งเป็นกษัตริย์ มีอำนาจมากก็ยังไม่อาจฝึกข้าราชบริพารไม่ให้พูดสอดขึ้นในระหว่างที่พระองค์กำลังตรัสอยู่ได้เช่นพระพุทธเจ้าเลย
ดังนั้น การสอนธรรมกับคนจำนวนมากของพระพุทธเจ้า จึงเป็นเรื่องของการสื่อสารจำเพาะ ระหว่างพระองค์กับกลุ่มสาวกบริษัทที่ได้รับการฝึกหัดด้วยพระธรรมวินัยอย่างดีแล้วค่ะ ไม่ใช่เรื่องของการเชื่อมจิต หรือใช้เทคนิคทางอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์แต่อย่างใด
แต่ถึงอย่างนั้นนะคะการบอกว่าในธรรมสภามีภิกษุจำนวนมาก ก็ได้หมายความว่าภิกษุจำนวนเท่านั้นทั้งหมด ต้องเป็นผู้ได้ยินได้ฟังธรรมเท่ากันนะคะ ที่สำคัญในกรณีที่ทรงสอนธรรมกับคนทั่วไปเป็นจำนวนมากๆ มันก็มีทั้งที่ตั้งใจฟังและไม่ตั้งใจฟังเป็นเรื่องปกติค่ะ มีทั้งที่ฟังแล้วเข้าใจและบรรลุธรรมก็มี มีทั้งที่ฟังแล้วไม่เข้าใจและไม่บรรลุอะไรเลยก็มี ไม่ใช่ว่าสอนได้ทั้งหมด บรรลุธรรมทั้งหมด ไม่ใช่ค่ะ
ต้องเข้าใจให้ชัดแบบนี้ก่อนนะคะ เรื่องการสอนธรรมของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ว่าพูดส่งเดชไปเรื่อย