ผู้แทนอุลามะฮฺโลก จากประเทศเยเมน เยือนประเทศไทย เชื่อมสัมพันธ์สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับหลักศาสนาอิสลาม พร้อมรับฟังนโยบายของรัฐเกี่ยวกับการดูแลพี่น้องชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ชายแดนภาคใต้
💟 ผู้แทนอุลามะฮฺโลก จากประเทศเยเมน เยือนประเทศไทย เชื่อมสัมพันธ์สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับหลักศาสนาอิสลาม พร้อมรับฟังนโยบายของรัฐเกี่ยวกับการดูแลพี่น้องชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ชายแดนภาคใต้
วันนี้ 3 มกราคม 2566 เวลา 15.00 น. ที่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ให้การต้อนรับ ท่านฮาบีบ ABDULRAHMAN BIN ALI BIN MOHAMMED BIN HAFEEDH (อับดุลเราะห์มาน บิน อาลี บิน โมฮัมเหม็ด บิน ฮาฟีส) ผู้แทนอุลามะฮฺโลก และคณะจากประเทศเยเมน เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพี่น้องมุสลิมในประเทศไทยกับพี่น้องมุสลิมในโลกอาหรับ เพื่อให้ท่านฮาร์บีฟและคณะได้รับทราบถึงนโยบายภาครัฐของไทยที่มีต่อพี่น้องมุสลิม ซึ่งต้องอาศัยความเข้าใจที่ดี ถูกต้องแก่โลกมุสลิม และเพื่อสร้างขวัญกำลังใจจากที่น้องมุสลิมในพื้นที่เพื่อการปฏิบัติศาสนาและดำรงตนในหลักการอิสลามที่ถูกต้อง ทั้งยังส่งเสริมเยาวชนกลุ่มสตรีให้ปฏิบัติตามหลักศาสนาอิสลาม ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขและสิ่งเสพติด มีความรักความสามัคคีในหมู่คณะ และมีความภาคภูมิใจในความเป็นไทย มีความรักในสถาบันของประเทศไทย และอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมอย่างสันติ ซึ่งตรงกับแนวนโยบายของผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ที่ต้องการขับเคลื่อนพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา เข้าใจบริบทของการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมสร้างสันติสุขอย่างแท้จริง ตลอดจนนโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ศูนย์สันติวิธี ได้จัดกิจกรรมเสริมสร้างความเข้าใจในศาสนาอิสลามที่ถูกต้องขึ้น โดยได้รับเกียรติจากผู้รู้ศาสนาจากต่างประเทศ ร่วมกับ มัจลิสมูวาซอละห์ จังหวัดชายแดนภาคใต้ สมาคมคนรักนบี จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสภาอุลามาอฺฟาฏอนี ดารุสสลาม ร่วมจัดกิจกรรมสร้างสันติสุขให้ความรู้ความเข้าใจแก่พี่น้องไทยมุสลิม ในพื้นที่ยะลา ปัตตานี สงขลาสตูล และนราธิวาส โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น โต๊ะอิหม่าม คณะกรรมการมัสยิด เข้าร่วมกิจกรรม
🗣️ ท่านฮาบีบ ABDULRAHMAN BIN ALI BIN MOHAMMED BIN HAFEEDH (อับดุลเราะห์มาน บิน อาลี บิน โมฮัมเหม็ด บิน ฮาฟีส) ผู้แทนอุลามะฮฺโลก กล่าวว่า การได้มาเยือน ประเทศไทยและพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ได้รับการอำนวยความสะดวก การดูแลเป็นอย่างดีจาก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า โดย ท่านแม่ทัพภาคที่ 4 และคณะ สิ่งที่ได้สัมผัสและเห็นจากการมาเยือนครั้งนี้ คือได้เห็นถึงความจริงใจของรัฐบาลไทยที่ให้การดูแลประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลามในประเทศเป็นอย่างดี และขอบคุณไปยังกษัตริย์ของประเทศไทยที่ให้ความเสมอภาคแก่ประชาชนในทุกศาสนา รู้สึกประทับใจและปลื้มใจแทนประชาชนคนไทย “สำหรับพี่น้องมุสลิมทุกคน ขอให้ทุกท่านจงอยู่ในแนวทางที่รักท่านศาสดานบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.)แนวทางที่ถูกต้องของหลักศาสนาอิสลาม เป็นแนวทางที่จะนำไปสู่หนทางที่สว่าง และให้สำรวจตนเองว่าวันนี้เราอยู่ในหนทางที่ถูกต้องหรือไม่ หรือหากวันนี้เราหลงทางหลงผิดอยู่ในหนทางที่มืด จงรีบทบทวนตนเอง และรีบกลับมาสู่หนทางที่ถูกต้องโดยเร็ว เพราะหนทางที่ผิดนั้นจะนำไปสู่หนทางที่มืดมน จงนำตนเองกลับมายังหนทางของศาสนาของท่านศาสดานบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) หนทางแห่งแสงสว่าง ที่จะนำไปสู่ความสงบสุข และเจริญมั่นคงยั่งยืนทั้งโลกนี้และโลกหน้า”
✍️ ด้าน แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว "รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีโอกาสต้อนรับแขกสำคัญที่มีเชื้อสายท่านศาสดา ท่านนบีมูฮัมหมัดจากประเทศเยเมน ซึ่งแน่นอนว่าประเทศไทยเรามีพี่น้องประชาชนอาศัยอยู่หลายเชื้อชาติหลายศาสนา เช่นเดียวกับหลายประเทศทั้วโลก ซึ่งมีผู้คนหลายเชื้อชาติศาสนาอาศัยอยู่ แต่ต้องยอมรับว่าในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยนั้น ประชากรส่วนใหญ่จะนับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งรัฐบาลไทยก็ให้การดูแลอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน ไม่แบ่งเชื้อชาติ ไม่แบ่งศาสนา เช่นเดียวกับประชาชนทุกภาคที่อยู่ในประเทศ ไม่ว่าจะเรื่องของการประกอบกิจทางศาสนา การเรียนการศึกษา การประกอบวิชาอาชีพ ตลอดถึงการมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ผมในฐานะผู้อำนวยการรักษาความ มั่นคงภายในภาค 4 และส่วนที่เกี่ยวข้อง มีความยินดีอย่างยิ่งที่จะเอานโยบายต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมและขับเคลื่อนสังคมที่สันติสุข โดยเฉพาะปัญหาหลัก ๆ คือการสร้างบรรยากาศที่ดีในการอยู่ร่วมกัน เน้นการพูดคุย ทุกเรื่องที่เห็นต่าง ผ่านสภาประชาธิปไตยตำบล ซึ่งสิ่งที่ทุกคนอยากเห็นนั้นก็คือการอยู่ด้วยกันอย่างสันติโดยปราศจากเหตุรุนแรงต้นเหตุของการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก และเรื่องเร่งด่วนนั้นก็ไม่พ้นเรื่องของยาเสพติด เพราะถือเป็นภัยร้ายแรงต่อสังคม เราได้ดำเนินการในส่วนของการแก้ไขปัญหายาเสพติด นำผู้ที่เสพยาและมีปัญหาทางจิตเวช คุ้มคลั่งทำร้ายร่างกายผู้อื่น เข้ารับการบำบัดรักษาอย่างเร่งด่วน ซึ่งก็เป็นแนวทางเดียวกันที่ท่านได้เดินทางมาให้ความรู้เสริมสร้างความเข้าใจแก่พี่น้องมุสลิมในเรื่องของการไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขและสารเสพติด ถือว่าเรามีแนวทางเดียวกันที่จะสร้างบรรยากาศที่ดีสร้างความสุขให้กับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ยั่งยืนภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมร่วมกัน"◾️◾️◾️