อิสราเอลประกาศเดินหน้าสงครามระยะที่ 2 (สงครามอิสราเอล-ฮามาส ล่าสุด)

อิสราเอลประกาศเดินหน้าสงครามระยะที่ 2 พร้อมเร่งประชาชนในกาซาให้อพยพ ขณะที่ฮามาสยื่นเงื่อนไขปล่อยตัวประกันแลกนักโทษ

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม 2566 การสู้รบในฉนวนกาซาดุเดือดต่อเนื่องเป็นวันที่ 23 หลังจากที่กลุ่มติดอาวุธฮามาสเปิดฉากโจมตีอิสราเอลอย่างไม่คาดคิด และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,400 ราย ขณะที่ชาวปาเลสไตน์มากกว่า 8,000 รายในฉนวนกาซาก็ถูกสังหารโดยการทิ้งระเบิดตอบโต้อย่างไม่หยุดยั้งของอิสราเอล

นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ประกาศกร้าวว่า ต่อจากนี้อิสราเอลจะเปิดฉากสงคราม "ข้้นที่ 2" กับกลุ่มฮามาส และเตือนล่วงหน้าว่าอาจใช้เวลายาวนานและเต็มไปด้วยความยากลำบาก โดยกองกำลังภาคพื้นดินได้ยกระดับปฏิบัติการภายในดินแดนที่กลุ่มฮามาสตั้งฐานอยู่

เป้าหมายของสงครามนั้นชัดเจน เนทันยาฮูกล่าวว่า ต้องการทำลายความสามารถทางการทหารและความเป็นผู้นำของฮามาส และนำตัวประกันกลับบ้าน รวมทั้งกำจัดกลุ่มฮามาสทั้งหมด เพื่อความปลอดภัยในอนาคต

รัฐมนตรีกลาโหมกล่าวก่อนหน้านี้ว่า อิสราเอลกำลังโจมตี "เหนือพื้นดินและใต้พื้นดิน" ในระยะใหม่ของสงคราม โดยอ้างอิงถึงเครือข่ายอุโมงค์ที่กลุ่มฮามาสสร้างขึ้นภายใต้ฉนวนกาซา พร้อมมุ่งกำจัดผู้ก่อการร้ายทุกคน

คำกล่าวของเขามีขึ้นในขณะที่กองกำลังภาคพื้นดินของอิสราเอลยังคงปฏิบัติการต่อไปในฉนวนกาซาตอนเหนือนานกว่า 24 ชั่วโมงตั้งแต่ช่วงเย็นวันศุกร์

ด้านกลุ่มฮามาสกล่าวว่า พร้อมที่จะปล่อยตัวประกัน หากอิสราเอลปล่อยตัวชาวปาเลสไตน์ทั้งหมดที่ถูกคุมขังในเรือนจำ

นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ใช้โอกาสในการอธิบายสถานการณ์การสู้รบต่อบรรดาตัวแทนของญาติตัวประกัน แม้เขาไม่ให้คำมั่นสัญญาใดๆ ในข้อตกลงแลกเปลี่ยนของฮามาส แต่บอกกับทางการครอบครัวว่า จะพยายามพิจารณาทุกทางเลือกในการนำตัวประกันกลับบ้าน

กองทัพอิสราเอลโปรยใบปลิวอีกครั้งในกาซา เพื่อเตือนให้พลเมืองเร่งหลบหนีลงทางใต้ทันที เพราะพื้นที่ทางเหนือไม่ปลอดภัยอีกต่อไป และให้คำมั่นว่าทางใต้จะมีน้ำ, อาหาร และยารักษาโรค จากการช่วยเหลือของสหประชาชาติ

ล่าสุด ประธานาธิบดีตุรเคียกล่าวประณามชาติตะวันตกว่าเป็น "ผู้ร้ายตัวจริง" ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นองเลือดครั้งนี้ ระหว่างการชุมนุมสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ครั้งใหญ่ที่มีผู้คนหลายแสนคนในอิสตันบูล

ความคิดเห็นของเขากระตุ้นให้อิสราเอลประกาศว่ากำลังเรียกนักการทูตทั้งหมดจากตุรเคียกลับประเทศ